ศิลปะในตึกร้าง ห่างจากหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์

กฤชสรัช วงษ์วรเนตร: 16 ต.ค. 2561 | อ่านแล้ว 13818 ครั้ง


Khon Kaen Manifesto : Flashy Flashes #1 2018.
เทศกาลศิลปะขอนแก่นแม่นอีหลี : เหลี่ยม มาบ มาบ

 

ยุทธศาสตร์ชาติครั้งล่าสุดที่วางไว้กระหนาบเส้นทางทั้งสองข้างของผู้คนในประเทศให้เดินตามทางที่วางไว้ของผู้นำที่คนในชาติไม่ได้เลือกเองไปอีก 20 ปี สร้างความไม่พอใจให้กับเหล่าปัญญาชน คนชั้นกลาง นำมาล้อเลียน วิพากษ์-วิจารณ์กันอย่างสนุกนิ้ว สนุกปาก แต่การต่อต้านมิได้จบลงเพียงแค่ในโลกออนไลน์หรือบนเวทีปราศรัยของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งเท่านั้น เหล่าผู้คนในแวดวงศิลปะ ทั้งนักคิด นักเขียน ศิลปิน คิวเรเตอร์ นักวัฒนธรรม ฯลฯ ต่างก็พยายามสร้างสรรค์ผลงาน โครงการ ศิลปะเพื่อที่จะกระจายความคิดด้านต่างๆที่หลากหลายให้แก่สาธารณชน สำเร็จหรือไม่นั้นก็สังเกตกันเอาเองว่าสังคมเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร ทิศทางไหนในปัจจุบัน ขณะนั้นเองกลุ่มคนในแวดวงศิลปะกลุ่มหนึ่งจึงรวมตัวกันเพื่อจัดเทศกาลศิลปะขอนแก่นแม่นอีหลี : เหลี่ยม มาบ มาบ #1 ที่ตึกรกร้างห่างไกลศูนย์กลางอำนาจอย่างเมืองหลวง และอาจหวังลึกๆด้วยว่าคงจะสามารถทำสิ่งต่างๆโดยไม่ต้องกังวลการแทรกแซงจากอำนาจส่วนกลางที่ปรากฏให้เห็นในเมืองกรุงเช่นครั้งก่อนๆ หรือก็คือ จะมีอิสระทางความคิดมากขึ้นในการทำงาน ตึก G.F. ริมถนนมิตรภาพจึงเป็นหมุดหมายที่จะเป็นสถานที่ทำความเข้าใจเทศกาลที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้

ที่มาภาพ: Many Cuts Art Space

G.F. เป็นอาคารที่ตั้งมาในช่วงก่อนที่จะเกิดวิกฤตทางการเงินในประเทศไทยเมื่อปี 40 เป็นอาคารสำนักงานสูง 6 ชั้น (นับตั้งแต่ Ground จนถึง Roof Top) ขนาดใหญ่ ยิ่งในอดีตยิ่งดูมโหฬาร เป็นจุดที่มีเงินไหลเวียนอยู่ในนั้นจำนวนไม่น้อย ด้วยธุรกิจทางด้านการเงินต่างๆ ไฟแนนส์ทั้งรถและอสังหาริมทรัพย์ ดูท่าทีก็คงจะอยู่ไปอีกยาวนาน แต่กาลกลับไม่เป็นเช่นนั้น พ.ศ. 2540 เกิดวิกฤตทางการเงินขึ้นในประเทศไทย หรือยุคฟองสบู่แตก อาคารที่ผู้คนเดินใส่สูท ผูกไทค์ ขับรถหรูขึ้นตึกไปนั่งโต๊ะตากแอร์บนนั้นจึงถูกทิ้งร้าง ลืมเลือน ด้วยสาเหตุทางการเงินที่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวแก่ผู้คนในพื้นที่จึงเสมือนหมุดแห่งการพัฒนาที่ล้มเหลว เป็นสิ่งที่ผู้คนในพื้นที่ไม่พูดถึงหรือไม่รู้จักเลยในเวลาต่อมา กลุ่มผู้จัดเทศกาลศิลปะที่เสาะแสวงหาพื้นที่สำหรับเทศกาลดังกล่าวจึงได้ลงหมุดหมายว่าจะต้องเป็นที่แห่งนี้ ลงทุน ลงแรง กันสุดตัวเพื่อให้เกิดเทศกาลสุดม่วนซื่นครั้งนี้ขึ้นมา

แนวคิดหลักในเทศกาลครั้งนี้คือ สุนทรียศาสตร์แห่งการต่อต้าน (Aesthetic of Resistant) โดยการต่อต้านที่ว่านี้มิใช่การลงไปสู้รบ ปรบมือกับเหล่าอริศัตรูให้เลือดตกยางออก แต่คือแนวคิดที่เป็นส่วนสร้างวัฒนธรรมย่อยอื่นๆให้เกิดทางเลือกแก่ผู้คนที่นับวันมีแต่หลากหลายกันมากขึ้น ชื่อแนวคิดอาจจะฟังดูรุนแรง ก้าวร้าว แต่เชื่อเถอะว่า วัฒนธรรมทั้งหลายแหล่ที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบันนั้น ไม่ว่าจะหลักหรือย่อยต่างต้องผ่านการต่อสู้เพื่อดำรงอยู่กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะวัฒนธรรมเพลง Rock, Blue, Indies, Experimental, อาหารตามข้างทางที่ในปัจจุบันเรียกกันว่า Street Food, สิ่งพิมพ์รวมเล่มที่เรียกกันว่า Manga, หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ฯลฯ ล้วนเกิดจากรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต จนเกาะกลุ่มกันสรรค์สร้างเป็นวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มขึ้น เมื่อเติบโตกว่าเดิมก็สามารถกลายเป็นอาชีพได้ และย่อมต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับสิ่งใหม่ที่ถือกำเนิดขึ้นมา เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฉะนั้นพื้นที่ของอาคารร้างริมถนนมิตรภาพนี้จึงเป็นส่วนสะท้อนให้กับแนวคิดของเทศกาลศิลปะครั้งนี้อย่างมีชั้นเชิง เป็นพื้นที่เชิงประวัติศาสตร์ที่เก็บงำเงื่อนไขแห่งการพัฒนาของพื้นที่จังหวัดขอนแก่นอยู่ไม่น้อย เป็นทางเลือกทางการเงินที่ไม่ต้องไปกระจุกรวมกันอยู่ในเมืองหลวง มาครานี้จึงเป็นทางเลือกแก่ผู้คนที่สนใจและไม่สนใจศิลปะ ในยุคที่เกิดเทศกาลศิลปะในประเทศไทยกว่า 3 แห่ง (Bangkok Biennial, Bangkok Art Biennale, Thailand biennale) แทบจะพร้อมๆกัน ผู้เขียนเห็นว่าเทศกาลศิลปะครั้งนี้นั้นแตกต่างกับเทศกาลศิลปะในประเทศไทยด้วยว่า ในการทำงานศิลปะของประเทศไทยนั้นจะยังคงไว้ซึ่ง วัฒนธรรมการอุปถัมภ์ มีการแบ่งชนชั้น แบ่งรุ่นกันเองในหมู่ผู้จัด ผู้ผลิตงานศิลปะ (รุ่นเยาว์, รุ่นเล็ก, รุ่นใหญ่ ทั้งที่ก็เป็นมนุษย์เหมือนๆกัน) แม้เทศกาลนี้จะมีกลิ่นอายอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีใจ มีกำลังในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ เกินกว่าครึ่งเป็นคนหนุ่มสาวที่แทบจะไม่มีคนในแวดวงศิลปะรู้จักด้วยซ้ำ และในที่สุดงานเทศกาลศิลปะนี้ก็ได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง ทั้งคนในพื้นที่ มีทั้งร้านอาหาร ร้านน้ำ ร้านขนม รวมถึงร้านนวดแผนไทย นักเรียน นักศึกษา บุคคลทั่วไปจากถิ่นแคว้นแดนอื่น รวมถึง ฝ่ายความมั่นคงของชาติ

ที่มาภาพ: Amara Pangnamkam

ที่มาภาพ: Kridpuj Dhansandors

การสถาปนาตึกร้างหรืออาคาร G.F. ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ทรงพลังเมื่อหลายทศวรรษก่อนให้เป็นพื้นที่ศิลปะจึงมีความน่าสนใจทั้งบริบทของตึกแล้วผลงานศิลปะที่นำไปจัดแสดง เทศกาลศิลปะขอนแก่นแม่นอีหลี : เหลี่ยม มาบ มาบ (Khon Kaen Manifesto : Flashy Flashes #1) นี้เปิดงานไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2561 และจะจัดแสดงถึงวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ณ ตึก G.F. ริมถนนมิตรภาพทางที่จะไปอุดรธานีต่อ  หรือถ้าหาไม่เจอ ก็หาร้านมิตรภาพ ลาบ ก้อย เอาแทนก็ได้ มี Gallery อีก 2 แห่งที่เป็นที่จัดแสดงด้วยเช่นกันคือ HUAK Society และ YMD Art space

ที่มาภาพ: Matthew W. Somklang

วันเปิดเทศกาลไม่มีการตัดริบบิ้นปรบมือโห่ร้องยินดี มีแต่เสียงอึกทึกจากศิลปะการแสดงสดและเสียงดนตรีจากวงหมอลำ ทางด้านศิลปะการแสดงสดนั้นมีให้ชมกันถึง 8 การแสดงจากศิลปินไทยและศิลปินต่างประเทศ เวทีหมอลำเองก็มิได้เป็นพื้นที่ให้เพียงวงหมอลำเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวงดนตรีนอกกระแส การอ่านบทกวีสมัยใหม่ ให้ผู้คนได้คึกคักและลิ้มลองรสชาติที่ไม่เคยพบเจอ ตั้งแต่ 16:00 น. ไปจนถึง 23:00 น. นอกจากนั้นยังมีนิทรรศการรถหมอลำที่นำเสนอถึงประวัติศาสตร์ของหมอลำผ่านรสบัสที่คอยวิ่งไปทั่วแดนไทย ด้วยบอลลูนและประโยคที่ว่า ม้าป่งเขา เสาออกดอก ให้ผู้คนได้ศึกษาความเป็นมาของหมอลำในยุคสงครามเย็น หลังจากวันเปิดงานเทศกาลไปแล้ว ยังมีภาพยนตร์อีกกว่า 50 เรื่องมาฉายภายในลานชั้น 1 ของอาคารทุกวัน ตลอดระยะเวลาเทศกาล ตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป โดยในวันที่ 19-23 ตุลาคม จะเป็นรอบของการฉายภาพยนตร์จากไต้หวัน (Taiwan Film) อันเลืองชื่ออีก 5 เรื่อง นอกจากนั้นยังมีวงเสวนาในหัวข้อต่างๆด้วย รวมทั้งสิ้นแล้วศิลปินที่เข้าร่วมการแสดงผลงานมีทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่ามากกว่า 50 ชีวิต ที่ส่งเสียงดังกึกก้องในแดนดอกคูณ เสียงแคนนี้

แม้จะเป็นเทศกาลศิลปะในพื้นที่ที่อำนาจส่วนกลางจะมองไม่เห็น แต่ใครจะคิดหล่ะว่า แผ่นดินถิ่นแคนนี้จะยังคงไว้ซึ่งอำนาจของท็อบบูทที่ตบเท้าเข้ามาตักเตือนแก่ผู้จัดในวันก่อนเปิดเทศกาลเพียงไม่กี่วัน จะด้วยอำนาจที่เป็นรางวัลแก่การสร้างความสงบสุข (?) จากการจับนักศึกษาหรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่เจ้าถิ่นลายพลางแห่งแดนดอกคูณนี้ยังคงข่มขู่ด้วยประโยคที่ว่า ขอนแก่นยังใช้กฎอัยการศึกอยู่ เมื่อนั้นแล ตึก G.F. ก็อลหม่านกับการจัดการงานศิลปะอันล่อแหลม เสียดแทง สายตา จิตใจ ฝ่ายความมั่นคงของชาติ ถึง 8 ชิ้น เหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเป็นสิ่งย้ำเตือนถึงความอ่อนแอของชาติที่ไม่สามารถเปิดรับความแตกต่าง (ทางความคิด) ได้ ฉะนั้นความสงบสุข เรียบร้อย มั่นคงที่ประโคมกันออกจากภาครัฐจึงเป็นเพียงผักชีที่โรยหน้าแค่จุดเดียวในจานอาหารขนาดใหญ่ที่เรียกว่า ประเทศไทย

ที่มาภาพ: Burin Horee

สิ่งสำคัญที่จะต้องคำนึงมากกว่า ศิลปินและศิลปะนั้นยังคงเดิม คือผลตอบรับจากผู้เข้าชมที่ไม่ได้เป็นผู้สนใจศิลปะแต่ทุนเดิม พวกเขาจะเข้าใจมากขึ้นหรือไม่เข้าใจเลย ผู้เขียนคิดว่าไม่ได้เป็นปัญหา แต่พวกเขาจะมีความสัมพันธ์อย่างไร รูปแบบไหน กับเทศกาลศิลปะของแก่นแม่นอีหลี : เหลี่ยม มาบ มาบ นี้มากกว่า เพราะอย่างไรก็ตามตราบใดที่ผู้จัดและผู้ผลิตยังคงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ เลอค่า แตะต้องไม่ได้ และผู้ที่เข้าถึงก็จะเพียงกลุ่มเดียว ศิลปะก็จะยังคงรับใช้กลุ่มบุคคลเดิมๆที่สวาปามเค้กเลิศรสนี้กันอย่างไม่สนใจไยดี เพราะศิลปะเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์และคอยรับใช้บางอย่างเสมอมา.

 

ป.ล. เทศกาลศิลปะขอนแก่นแม่นอีหลี : เหลี่ยม มาบ มาบ จัดอยู่ในตึกร้างที่ยังแข็งแรง แต่มีหลายส่วนชำรุดเสียหาย บุคคลที่อายุต่ำกว่า 13 ปี จะต้องมีผู้ดูแลประกบขณะชมผลงานเท่านั้น เพื่อสวัสดิ์ภาพในชีวิตของท่านและลูกหลานของท่านเอง

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: