บันทึกข้อตกลง (MOU) ที่ลงนามระหว่างนาย Irwandi Yusuf ผู้ว่าการจังหวัดอาเจะห์ กับนาย Yuspahruddin หัวหน้าสำนักงานกฎหมายและสิทธิมนุษยชนจังหวัดอาเจะห์ กำหนดให้การเฆี่ยนจะต้องกระทำภายในเรือนจำ หรือสถานที่คุมขังอื่นๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตามสำหรับบุคคลที่มีวุฒิภาวะสามารถเข้าชมการลงโทษได้ แต่ห้ามบันทึกเหตุการณ์ทั้งภาพและเสียง
Irwandi Yusuf ลงนามใน MOU ที่มีรัฐมนตรีกระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชนอินโดนีเซียร่วมเป็นสักขีพยาน โดยเป้าหมายของการเฆี่ยนภายในเรือนจำนั้นเพื่อไม่ให้เด็กเห็น หรือถูกบันทึกภาพด้วยกล้องหรือโทรศัพท์มือถือ โดยที่ผ่านมาอาเจะห์เป็นจังหวัดเดียวในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ที่ใช้กฎหมายชารีอะห์ โดยได้รับความยินยอมจากรัฐบาลกลางในกรุงจาการ์ตาเมื่อปี พ.ศ. 2544 อันเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามยุติสงครามแยกดินแดนอาเจะห์เป็นเอกราช ที่มีมานานหลายทศวรรษ
ด้านกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ Human Right Watch เผยว่าการเปลี่ยนสถานที่เฆี่ยนเป็นภายในเรือนจำ เป็นเพียงแค่การหลบเลี่ยง พร้อมกับเรียกร้องทางการอาเจะห์เลิกใช้วิธีการเฆี่ยน และยกเลิกกฎหมายที่อนุญาต เนื่องจากการโบยตีเป็นรูปแบบหนึ่งของทารุณกรรมไม่ว่าจะกระทำในที่ลับหรือที่แจ้ง
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The Straits Times, 13/4/2018
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ