Black Panther: Wakanda’s Foreign Policy

ธนเวศม์ สัญญานุจิต: 20 ก.พ. 2561 | อ่านแล้ว 5801 ครั้ง


Black Panther คือตัวละครสมมติ ในโลกสมมติของ Marvel Cinematic Universe ที่ดำเนินมานานนับ 10 ปีแล้ว Black Panther คือ กษัตริย์ของประเทศสมมติที่ชื่อ วากานด้า (Wakanda) ที่ปิดตัวเอง โดดเดี่ยวตัวเองจากโลกภายนอก (Isolationist) โดยโลกภายนอกเข้าใจว่าวากานด้า เป็นเพียงประเทศโลกที่ 3 ที่ทำเกษตรกรรมเป็นหลัก ภูมิศาสตร์ยากต่อการเข้าถึง ยังไม่มีความเจริญเข้าไปได้ แต่จริงๆ แล้วในโลกสมมตินี้ วากานด้า แอบซ่อนศักยภาพที่สามารถจะเป็น “มหาอำนาจโลก” (World’s Power) ได้

พวกเขามีเทคโนโลยี พลังงาน นวัตกรรม สูงล้ำกว่าโลกภายนอก รวมถึงมีทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Resource) ที่ใช้ได้เหมือนไม่มีวันหมดอยู่ภายในประเทศ (ภายนอกหาไม่ได้) คือ แร่สมมติที่ชื่อ “ไวเบรเนียม” ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล แต่ปิดตัวเองเพราะไม่ต้องการคนภายนอกเข้ามาทำลาย “ค่านิยม” (Value) ดั้งเดิม รวมถึงไม่อยากรับปัญหาภายนอกเข้ามาภายใน

ฉะนั้น วากานด้า จึงดำเนินนโยบายต่างประเทศ “โดดเดี่ยวตัวเอง” ตลอดมา แต่ก็มีการวางสายลับเอาไว้ตามประเทศต่างๆ เพื่อส่งข่าวกลับวากานด้า เป็นรูปแบบที่ไม่ใช่การทูตตามปกติ แถมยังมีปฏิบัติการรุกล้ำอธิปไตยประเทศอื่นอย่างลับๆ คือ Black Panther หรือกษัตริย์ของวากานด้าเอง ที่บางครั้งต้องรับหน้าที่ออกไปราชการลับ หรือทำภารกิจในเขตประเทศอื่น แล้วพาตัวอาชญากรที่หลบหนีกลับมาพิพากษาในวากานด้า การดำเนินนโยบายโดดเดี่ยวตัวเอง และถือว่าต้องไม่แพร่งพรายความลับของประเทศให้คนภายนอกได้รับรู้นี้เอง ทำให้เกิด “ผู้เห็นต่าง” ขึ้น หนึ่งในเจ้าชายวากานด้ามีลูกลับๆ ระหว่างไปแฝงตัวในสหรัฐฯ และลักลอบนำเอา “ไวเบรเนียม” ออกมาขาย เพราะเขาเชื่อว่า เป็นการติดอาวุธให้แก่พี่น้องร่วมทวีปแอฟริกา เพื่อให้สามารถลุกขึ้นสู้จากผู้กดขี่ได้ สุดท้าย Black Panther ต้องสังหารพี่น้องของตัวเอง และต้องทิ้งหลานที่เพิ่งกำพร้าพ่อเอาไว้ลำพัง เพื่อทำตามนโยบายการปกปิดความลับของวากานด้า

ความผิดพลาดนี้เองทำให้ Killmonger กลายเป็นตัวละครขั้วตรงข้ามกับ T’Challa ตัวเอกของเรื่อง ได้อย่างมีมิติน่าสนใจ เขาแสวงหาความแค้น มิใช่แค้นในตัวราชวงศ์หรือสายเลือด เขากลับบ้านเกิดเพื่อทวงบัลลังก์ตามธรรมเนียมการประลอง เขาอาจจะแค้นนโยบายของบรรพกษัตริย์ในอดีตต่างหาก ที่ทำให้พ่อของเขาต้องตาย และทิ้งเขาให้กำพร้า ปิดกั้นตัวเขาจากสิทธิตามราชประเพณี Killmonger จึงต้องการปกครองวากานด้าด้วยนโยบายเปิดประเทศ เพียงแต่ว่า เป็นนโยบายแบบ “จักรวรรดินิยม” (Imperialism) ที่จะล่าดินแดนอื่นให้ตกอยู่ใต้อาณัติของวากานด้า ว่าง่ายๆ Killmonger ต้องการรื้อระเบียบโลก (World Order) และสถาปนาวากานด้าเป็น “ผู้ครองความเป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” (Unipolarity Hegemony) ในโลก หรือสร้างระเบียบในรูปของ จักรวรรดิ (Empire) ผ่านการส่ง ไวเบรเนียม ออกไปติดอาวุธแก่กลุ่มต่างๆ เพื่อโค่นล้ม หรือทำลายความมั่นคงชาติอื่น

T’Challa กษัตริย์องค์ปัจจุบันแห่งวากานด้า หรือก็คือลูกพี่ลูกน้องของ Killmonger เองก็ต่อต้านนโยบายการโดดเดี่ยวตัวเอง สิ่งที่เขาทำในภารกิจแรกหลังราชาภิเษก ที่ต้องตามล่าพ่อค้าอาวุธที่ขโมยแร่ไวเบรเนียม คือการ “ช่วยเหลือ” เจ้าหน้าที่ CIA ที่ถูกยิง โดยนำตัวเข้าไปรักษาในวากานด้า นี่คือการละเมิดนโยบายอย่างชัดแจ้ง แต่ T’Challa ต้องการช่วยเหลือผู้คน ด้วยนวัตกรรมที่วากานด้าครอบครองอยู่

ทำให้ความขัดแย้งระหว่าง T’Challa กับ Killmonger ไม่ใช่ในเรื่องของอุดมการณ์ระหว่างคนที่ต้องการปกป้องโลกไม่ให้ถูกคุกคามโดยอาวุธไวเบรเนียม กับ ผู้กระหายสงคราม แต่เป็นต่อสู้เพื่อล้มผู้ปกครองรัฐ (Head of State) เพื่อเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศ ให้วากานด้าเปิดประตูเข้าหาสังคมโลกในแบบที่ไม่ใช่ “มหาอำนาจใหม่” ที่จะเข้าไปสั่นคลอนดุลแห่งอำนาจในการเมืองโลก (อาจนึกภาพได้ไม่ยาก หากจู่ๆ มีอีกประเทศที่มีศักยภาพเหนือกว่า มหาอำนาจเดิมของโลกปรากฏตัวขึ้น การเมืองโลกจะวุ่นวายขนาดไหน)

สุดท้าย T’Challa ที่กลับสู่ตำแหน่งกษัตริย์แห่งวากานด้าได้สำเร็จจึงเลือกที่จะเปิดประเทศในฐานะมหาอำนาจด้านสังคมสงเคราะห์แทน เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้ ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยต่างๆ คล้ายเป็นการส่งข้อความถึงผู้นำประเทศบางคนเช่นกันว่า เป็นผู้นำประเทศที่มีศักยภาพถึงมหาอำนาจทั้งที ก็ควรดำเนินนโยบายเปิดหาสังคมโลกมากกว่านี้

 



ที่มาภาพประกอบหน้าแรก: Nerdreactor

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: