พวกคนแก่จำนวนมากเป็นพวกถ่วงความเจริญชาติ เป็นไม้แก่ดัดยาก เป็นสิ่งไร้ค่า (Deadwood) เป็นภัยต่อชาติ ประชาธิปไตย น่าจะลาตายไปเพื่อไม่ให้หนักแผ่นดิน
อาการของคนแก่แบบนี้ ถ่วงความเจริญ เช่น วันๆ ก็พูดมาก พูดทีจะใช้เวลานานๆ พูดซ้ำซาก เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ แถมอาจดูถูกความคิดคนหนุ่มสาวอยู่ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ประชุมกันก็ไม่ค่อยฟังคนอื่น ระดมสมองไปก็เอาแต่ความคิดของตนเอง ชอบตัดบท แย่งคนอื่นพูด ไม่ฟังใครให้ได้ศัพท์ สรุปอะไรก็เอาแต่สิ่งที่ตนเองพูด อาการแบบนี้ยังไม่สร้างสรรค์อีกต่างหาก ถือเป็นพวก "ไม้แก่ดัดยาก" หรืออาจเป็นสิ่งที่ไร้ค่าหรือตายแล้ว (Deadwood)
อย่างไรก็ตามคนแก่ข้างต้นนี้ อาจไม่มีผลอะไรต่อสังคมส่วนรวม และผู้ที่อายุน้อยกว่าอาจต้องยินยอม หากคนแก่นั้นๆ เป็น
- ปู่ย่าตายายของเรา
- บุพการีหรือหัวหน้าครอบครัวของเรา
- เจ้าของบริษัทของเรา
- หัวหน้าส่วนราชการของเรา
ซึ่งในกรณีข้างต้น เราก็ต้องยินยอมเพราะเป็นการทดแทนคุณปู่ย่าตายาย หรือบุพการี หรืออาจอยู่ในสภาพน้ำท่วมปากในฐานะที่เขาเป็น "นาย" ของเรา แต่ก็แสดงว่าบริษัทดังกล่าวของเราก็คงใกล้เจ๊งอย่างช่วยอะไรไม่ได้ หรือส่วนราชการนั้นก็คงไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน หัวหน้าครอบครัวที่มีลักษณะเช่นนี้ ก็มักจะไม่สามารถนำพาครอบครัวไปสู่ความสงบสุขได้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะเป็นส่วนตัว
อย่างไรก็ตามในสังคมทั่วไปที่ไม่ใช่เราเป็นเจ้าของบริษัท ไม่ใช่เป็น "นาย" ในส่วนราชการ ไม่ใช่หัวหน้าครอบครัว แต่เป็นเวทีการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ นั้น เราก็ยังมักเจอคนแก่ที่มีลักษณะข้างต้น ดังนั้นไม่ว่าจะทำประชาพิจารณ์อะไร เสวนาเรื่องอะไร ระดมสมองในประเด็นไหน สุดท้ายก็ออกมาแต่ความเห็นของผู้มีสถานะเป็นผู้เป็นใหญ่สุด หรือผู้มีเสียงดังกว่า โดยที่คนหนุ่มสาวหรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่า ไม่อาจไปโต้แย้งอะไรได้ เพราะเกรงใจ เกรงกลัวอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อม หรือหวังพึ่งผลประโยชน์จากคนแก่เหล่านั้น
สังเกตดูพวกคนแก่เหล่านี้มักมีสภาพที่ "กร่างแต่กลวง" ไม่รู้จริง หรือมีความรู้ที่ล้าสมัยไปแล้ว ใช้ไม่ได้กับยุคสมัย โหยหาอดีต หรือกระทั่งจำขี้ปากเขามาพูด คนพวกนี้เมื่อเจอคนที่แก่กว่าและมีอำนาจกว่า ก็จะศิโรราบ กลายสภาพเสมือนเด็กน้อย "คอยก้มประนมมือ" แต่กับผู้เยาว์กว่า กลับไม่ฟัง นี่จึงเป็นสภาพที่ไม่สร้างสรรค์ และเป็นตัวบ่อนทำลายระบบประชาธิปไตยในสังคมไทย
ทางแก้ของเรื่องนี้ก็คือ เราต้องสร้างบรรยากาศประชาธิปไตย ที่เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางและครบถ้วน และให้แต่ละคนใช้วิจารณญาณตัดสินใจลงมติโดยเสียงส่วนใหญ่ แทนที่จะถูกจูงจมูกโดยผู้หลักผู้ใหญ่คนไหน วิธีการนี้ก็จะสามารถขจัดอุปสรรค์ของการมีคนแก่หรือ "ลุงพูดมาก" หรือพวก "มนุษย์ป้า" ได้ เพราะแต่ละคนจะมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงโดยเท่าเทียมกัน ไม่ถูกใครครอบงำ
ในกิจกรรมของหมู่บ้าน กลุ่มวิชาชีพ กลุ่มแม่บ้าน วงการกีฬา วงการเมือง ฯลฯ ล้วนต้องอาศัยเสียงส่วนใหญ่โดยไม่ให้ถูกใครครอบงำทางความคิด หาไม่ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ดี ๆ ก็คงไม่ออกมา และสุดท้ายองค์กรนั้นๆ ก็คงไม่เจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน เพราะมีแต่การคิดแบบซ้ำๆ ซากๆ โดยพวก "ไม้แก่ดัดยาก" ที่มีสภาพเหมือน "ผีเจาะปาก" ก็ไม่ปาน
ประชาธิปไตยจึงเป็นทางออกแห่งการสร้างสรรค์สังคมให้เจริญก้าวหน้า เราพึงจำพุทธสุภาษิตที่ว่า "นสิยา โลก วฑฺฒโน" (ไม่ควรเป็นคนรกโลก) ให้แม่น
หมายเหตุ: เผยแพร่ครั้งแรกที่ Agency for Real Estate Affairs (AREA)
ที่มาภาพประกอบหน้าแรก: iheartintelligence
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ