ชาวเน็ตรณรงค์ขอ 'ซูเปอร์มาร์เก็ตไทย' ช่วยเลือกขายของกินที่ไม่เอาเปรียบคนผลิต

กองบรรณาธิการ TCIJ 26 ธ.ค. 2561 | อ่านแล้ว 2611 ครั้ง

ชาวเน็ตรณรงค์ขอ 'ซูเปอร์มาร์เก็ตไทย' ช่วยเลือกขายของกินที่ไม่เอาเปรียบคนผลิต

'ทีมรณรงค์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก' รณรงค์ออนไลน์ผ่าน change.org ร้องเรียนธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตไทย ช่วยเลือกขายของกินที่ไม่เอาเปรียบคนผลิต ต้นทางสินค้าต้องเป็นธรรมต่อแรงงานและเกษตรกรรายย่อย ที่มาภาพ: change.org

26 ธ.ค. 2561 ผู้ใช้เว็บ change.org ชื่อ นิพัทธ์ชนก นาจพินิจ และทีมรณรงค์ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก ได้สร้างแคมเปญรณรงค์ 'ซูเปอร์มาร์เก็ตไทย ช่วยเลือกขายของกินที่ไม่เอาเปรียบคนผลิต' ร้องเรียนธุรกิจค้าปลีกในไทย โดยระบุว่า

คนธรรมดาๆ ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ถูกหลอกมากักขังและบังคับให้ทำงานบนเรือประมง ถูกทุบตี ทรมาน เสี่ยงกับการถูกทำร้ายหรือแม้แต่ถูกฆ่ากลางทะเล หลายคนทำงานถึง 20 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่ได้รับค่าจ้าง บางคนได้ค่าแรงหกเดือนครั้ง ได้รับอาหารเพียงน้อยนิด นอนแค่คืนละไม่กี่ชั่วโมง เป็นเวลาติดต่อกันหลายปี

เรื่องราวแบบนี้ ใครๆ ก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราคงไม่อยากมีส่วนร่วมในการทรมาณมนุษย์ด้วยกัน

ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนด้านอาหารและวัฒนธรรม การค้นคว้าวิจัยต่างๆ ได้เปิดประตูให้ดิฉันเห็นว่าความหมายและคุณค่าของอาหารเปลี่ยนไปมาก จากการทำอาหารในครัวกินกันที่บ้านกลายเป็นกระบวนการผลิตบนระบบสายพานขนาดใหญ่ที่ใช้แรงงานคนมากมาย คนเหล่านี้ แม้จะไม่ใช่คนในครัวเดียวกันที่บ้านเรา แต่ก็เป็นคนเหมือนกับเรา

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ใหญ่เกินกว่าเรื่องสูตรอาหารอร่อยน่าทาน หรือแม้แต่เรื่องอาหารในฐานะเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และอื่นๆ ที่ผู้สอนด้านอาหารอย่างดิฉันก็ว่าลากลึกมาไกลกว่าครัวมากแล้ว

อาหารในยุคนี้เดินทางจากแหล่งผลิตสู่สังคมเมือง โดยมีซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นคนเลือกซื้อจากผู้ผลิตรายย่อย  แล้วเอามาวางขายต่อเพื่อทำกำไรจากผู้บริโภคอย่างเราอีกที พูดง่ายๆ ก็คือ เรามีซูเปอร์มาร์เก็ตเป็น “พ่อค้าคนกลาง”

เมื่อซูเปอร์ฯ เป็นพ่อค้าคนกลาง แล้วผู้บริโภคอย่างดิฉันคือคนซื้ออาหารในซูเปอร์ฯ มันทำให้ดิฉันต้องมองบทบาทของตัวเองอีกครั้ง และมองให้ทั่วกว่าแค่ความคุ้มค่าของอาหารที่ซื้อ

เช่น เวลาที่อ่านรายงานเจอว่าผู้หญิงที่ทำงานในโรงงานแปรรูปอาหารทะเล ต้องอยู่ในไลน์การผลิตเปียกๆ หนาวๆ แกะกุ้งติดต่อกัน 12 ชั่วโมง ไม่มีเวลาเข้า-ออกงานที่แน่นอน ไม่มีเวลาเข้าห้องน้ำจนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และได้ค่าแรงน้อยกว่าผู้ชาย มันทำให้สงสัยว่า อาหารทะเลในตู้แช่ที่กำลังจะจ่ายเงินซื้อที่ซูเปอร์ฯ มาจากเพื่อนมนุษย์ที่โดนทารุณกรรมรึเปล่า

“ความคุ้มค่า” กลายเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้นมากสำหรับผู้บริโภคอย่างดิฉัน เพราะต้องมองไปที่ “คนต้นทาง” ที่อยู่ในกระบวนการผลิต ว่าได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมหรือเปล่า เราคงไม่อยากให้การจับจ่ายใช้สอยของเรากลายเป็น “ปลายทาง” ที่ย้อนกลับไปสร้างความทุกข์ของใครที่อยู่ “ต้นทาง” อย่างที่เราเองก็ไม่ได้ตั้งใจ

ในฐานะผู้บริโภค เราทุกคนต้องการอาหารดี ปลอดภัย และไม่อยากมองข้ามชีวิตผู้คนบนเส้นทางการผลิตอาหาร ว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร ชีวิตเสี่ยงอันตรายเพราะการผลิตอาหารให้เราหรือไม่

ผลจากการประเมินนโยบายสาธารณะของห้างค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในบ้านเรา 8 แห่ง  โดยงานรณรงค์ “ซูเปอร์มาร์เก็ตที่รัก” ด้านความเป็นธรรมต่อแรงงานและเกษตรกรรายย่อย การปฏิบัติต่อผู้หญิงในที่ทำงาน ฯลฯ พบว่า คะแนนเต็ม 93 ทุกห้างได้คะแนนเฉลี่ย 2.4 หมายความว่ายังมีช่องให้ซูเปอร์ฯ พัฒนาได้อีก

หลังจากที่ทราบคะแนน บางห้างตื่นตัวและพยายามปรับปรุง เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าของที่ซื้อไม่ได้มาจากการทำร้ายใคร ทำให้ดิฉันมีความหวังขึ้นมาว่าซูเปอร์ฯ ไทยทำได้

เหมือนที่ซูเปอร์ฯ ในเดนมาร์คประกาศเลิกขายไวน์ที่ผลิตจากแอฟริกาใต้ เพราะมีรายงานว่าคนงานรับจ้างชาวแอฟริกามีชีวิตอย่างยากลำบาก รายได้ต่ำ และมีเบื้องหลังการใช้สารเคมีในไร่ (*สารคดีเรื่อง Bitter Grapes—Slavery in the Vineyards พ.ศ. 2559) ซึ่งจุดประกายให้บริษัทผู้ผลิตปรับปรุง

ดิฉันคิดว่าซูเปอร์ฯ ในฐานะพ่อค้าคนกลาง มีบทบาทและอำนาจอย่างมากในการช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นทางการผลิต และดิฉันในฐานะคนซื้ออาหารในซูเปอร์ฯ ก็มีบทบาทและพลังในการผลักดันให้ซูเปอร์จัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้เช่นกัน

ดิฉันขอเป็นหนึ่งเสียงของผู้บริโภคที่เรียกร้องให้เครือข่ายธุรกิจที่ทรงพลังอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตไทยทุกเจ้า ช่วยยืนยันว่าได้เลือกอาหารดีๆ ที่ไม่เอาเปรียบคนผลิต หรือ “คนต้นทาง” ทุกคน ทั้งเกษตรกร ชาวประมง และแรงงานในโรงงาน

เราคนซื้อคนกิน ไม่อยากต้องกังวลถึงที่มาของอาหารที่กำลังจะซื้อ อยากรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เดินเข้าซูเปอร์ฯ และมั่นใจว่าเงินที่จ่ายไปไม่ได้เอาไปใช้ทำร้ายใครในวงจรการผลิตแบบไม่รู้ตัว

แต่เสียงของดิฉันคนเดียวคงดังไม่พอ ช่วยกันนะคะ ลงชื่อสนับสนุนให้ซูเปอร์ฯ ใช้อำนาจต่อรองที่มีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และฟังเสียงผู้บริโภค เราช่วยกันส่งเสียงให้ดัง เชื่อว่าซูเปอร์ฯ จะได้ยิน และเริ่มขยับแน่นอน เพราะเท่ากับเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อบริษัท พัฒนาธุรกิจของตัวเอง เดี๋ยวนี้คู่แข่งมากมาย และผู้บริโภคทุกวันนี้ก็ฉลาดเลือก ช่วยกันทุกฝ่าย ทุกคนมีแต่ได้กับได้ค่ะ

อย่าปล่อยให้เงินของพวกเราที่ใช้จับจ่ายด้วยความเพลิดเพลินเอร็ดอร่อย สะดวกสบาย ต้องกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกลไกในการทำร้ายเพื่อนมนุษย์เลยค่ะ

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: