สื่อขุด 'ทุนจีน' บุกเชียงใหม่ ปูพรมลงทุนร้านอาหาร-อสังหา-โลจิสติกส์

กองบรรณาธิการ TCIJ 27 มี.ค. 2561 | อ่านแล้ว 3758 ครั้ง

สื่อขุด 'ทุนจีน' บุกเชียงใหม่ ปูพรมลงทุนร้านอาหาร-อสังหา-โลจิสติกส์

สื่อ 'ประชาชาติธุรกิจ' เจาะ 'ทุนจีน' ดาหน้าบุกเชียงใหม่ต่อเนื่อง แห่ลงทุนอสังหาฯ-ท่องเที่ยว-โลจิสติกส์ รองรับทัพนักท่องเที่ยว หวั่นยักษ์กินรวบตลาด ขณะที่ศูนย์ไชน่าอินเทลลิเจนต์ มช. ชี้ปัจจุบันเชียงใหม่กลายเป็นเมืองเพื่อการพักผ่อน-บ้านหลังที่ 2 ของคนจีนไปแล้ว เผยคอนโดฯเมืองไทยแสนถูก ขายดี ราคา 5-10 ล้าน ยอดฮิต นิยมซื้อให้ลูกอยู่เรียนหนังสือ ที่มาภาพ: ประชาชาติธุรกิจ

เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมาว่า ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ ผู้อำนวยการ ศูนย์ไชน่าอินเทลลิเจนต์ (China Intelligent Center) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบัน กลุ่มทุนจีนยังทยอยเข้ามาลงทุนในจังหวัดเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง และพบว่ามีการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ๆ คือ ธุรกิจท่องเที่ยว ธุรกิจขนส่งหรือโลจิสติกส์ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ยังพบว่าการลงทุนของนักลงทุนจีนในธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะโรงแรมและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มทุนที่น่าจับตา คือ กลุ่มซีทริป (Ctrip) ธุรกิจให้บริการด้านการท่องเที่ยวหรือออนไลน์แทรเวลเอเยนซี่รายใหญ่ของจีน ที่ได้เข้ามาลงทุนทำธุรกิจโรงแรมในเชียงใหม่

ขณะที่การลงทุนในธุรกิจโลจิสติกส์ หรือขนส่งด่วนข้ามแดน ก็กำลังเป็นที่สนใจของนักลงทุนจีนและเติบโตมากขึ้นในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าปัจจุบันมีราว 10 แบรนด์ โดยมีแบรนด์ “ยิ่นต๋า” โลจิสติกส์รายใหญ่ของจีนที่เข้ามาลงทุนในเชียงใหม่แล้วเช่นกัน เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่นิยมซื้อของฝากของที่ระลึกจากเชียงใหม่ส่งกลับไปยังจีน

“เดิมบริษัทขนส่งของจีนจะเปิดให้บริการอยู่ที่บ้านถวาย อำเภอหางดง แต่ปัจจุบันขยายเข้ามาเปิดที่ย่านนิมมานเหมินท์และเขตคูเมือง ซึ่งเป็นย่านท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน และบริษัทเหล่านี้ก็ยังมีการต่อยอดธุรกิจไปทำอีคอมเมิร์ซมากขึ้น ด้วยการสร้างแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าไม่เฉพาะขายสินค้าเชียงใหม่เท่านั้น แต่จะนำสินค้าจากจีนเข้ามาขายในเชียงใหม่ด้วย”

ดร.ดนัยธัญให้ข้อมูลด้วยว่า ส่วนการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มทุนจีนอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันก็ยังมีการขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนทำโรงแรม-ที่พัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะ เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการทำธุรกิจในเชียงใหม่ก็ต่ำกว่าในจีน ดังนั้น ในแง่ของผลตอบแทนจึงค่อนข้างสูงและจูงใจการลงทุน

“ปัจจุบันการเดินทางจากจีนมาเชียงใหม่สะดวกมาก เนื่องจากมีเที่ยวบินตรง (direct flight) จากเมืองใหญ่ ๆ หลายเที่ยวบิน และปัจจุบันเชียงใหม่ไม่ใช่เป็นเมืองเพื่อการท่องเที่ยวของคนจีนอีกต่อไปแล้ว แต่กลายเป็นเมืองเพื่อการพักผ่อน (leisure) เป็นบ้านหลังที่ 2 และชาวจีนก็มีแนวโน้มจะเข้ามาลงทุนมากขึ้นในอนาคต

“การรุกของทุนจีนค่อนข้างน่ากลัว ท้องถิ่นจะได้อะไรเมื่อทุนจีนเข้ามาทำธุรกิจอย่างเบ็ดเสร็จ เราจะได้แค่ขายของ ดังนั้นแนวทางคือ อาจต้องร่วมมือกับกลุ่มทุนเหล่านี้ หรือหาแนวทางที่จะไม่ทำให้เราเสียเปรียบไปมากกว่านี้”

เปิดกลยุทธ์ทุนจีน

ดร.ดนัยธัญระบุด้วยว่า จากการศึกษาพบว่านักธุรกิจชาวจีนที่เข้ามาลงทุนในเชียงใหม่ ส่วนหนึ่งเคยมาท่องเที่ยวเชียงใหม่และมองเห็นศักยภาพของเชียงใหม่และโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มีตัวเลขเกือบ ๆ 10 ล้านคน/ปี บางรายก็เริ่มการลงทุนโดยใช้วิธีการเข้าหุ้น 10 คน คนละ 1 ล้านหยวน ก็รวมกันได้ถึง 50 ล้านบาท พอเพียงที่จะลงทุนเปิดโรงแรมขนาดเล็ก เปิดร้านอาหาร และเปิดร้านขายสินค้าที่ระลึก

นอกจากนี้ ยังพบว่าคนจีนจำนวนหนึ่งชอบเชียงใหม่ บรรยากาศของเชียงใหม่ และส่งลูกมาเรียนโรงเรียนนานาชาติในเชียงใหม่ เพื่อหนีมลพิษในเมืองใหญ่ และวางแผนจะมาอยู่ประเทศไทย หลายคนมาซื้อคอนโดฯ ขณะเดียวกันก็เริ่มหาลู่ทางในการทำธุรกิจควบคู่กันไป บางรายเน้นการทำอีคอมเมิร์ซ สั่งของจากจีนเข้ามาขาย ถัดมาก็เริ่มหาสินค้าจากเมืองไทยส่งไปขายที่จีน

นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่นักลงทุนจีนชนชั้นกลางนิยมเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยใน 4 เมืองหลัก คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต โดยเฉพาะเชียงใหม่เป็นเมืองเป้าหมายของนักลงทุนจีนรองจากกรุงเทพฯ เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์มีราคาถูกกว่าในประเทศจีน เงื่อนไขการซื้อขายไม่ยุ่งยาก เช่น เงินดาวน์ในจีน 35% ไทย 5-10%, ภาษีการโอนในจีนสูงกว่า 1-2 เท่า โดยระดับราคาที่ชาวจีนสนใจ พบว่ามักจะลงทุนระดับ 1-2 ล้านหยวน หรือ 5-10 ล้านบาท รองลงมาคือราคา 5-7 แสนหยวน หรือ 2.5-3.5 ล้านบาท

การลงทุนของกลุ่มทุนจีนในเชียงใหม่ หลัก ๆ มี 2 รูปแบบ คือ 1.การลงทุนของกลุ่มทุนรายย่อยมีสัดส่วนราว 20-30% นิยมซื้อคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัย พักตากอากาศ และซื้อเพื่อปล่อยเช่า เนื่องจากคอนโดฯในเชียงใหม่มีราคาถูกกว่าคอนโดฯในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว ประกอบกับเชียงใหม่มีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง ทำให้คนจีนนิยมซื้อคอนโดฯให้ลูกอยู่อาศัยระหว่างเรียนด้วย ส่วนของบ้านเดี่ยว แม้มีราคาถูกกว่าคอนโดฯ แต่กฎหมายไทยมีข้อจำกัดทำให้ต่างชาติซื้อขายยาก ชาวจีนจึงไม่ค่อยนิยม

2.การลงทุนทำโครงการ โดยเฉพาะโรงแรมและคอนโดฯ โดยเฉพาะการลงทุนด้านโรงแรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยที่ดึงดูดคือ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนโรงแรมจึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่นักลงทุนจีนเล็งเห็นและรองรับนักท่องเที่ยวจีนโดยตรง

ตั้งบริษัทเพิ่มต่อเนื่อง

แหล่งข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของนักลงทุนชาวจีนที่ทยอยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเชียงใหม่นั้นถือเป็นเป้าหมายหลักที่นักลงทุนจากจีนให้ความสำคัญ จากการตวจสอบพบว่าการเข้ามาลงทุนของชาวจีนในเชียงใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นการเข้ามาจับมือกับชาวไทย ถือหุ้นในลักษณะ ไทย 51% จีน 49% หรือบางกรณีก็จะเป็นชาวจีนที่ถือหุ้นมากกว่า นอกจากนี้ก็มีบริษัทขนาดใหญ่เข้ามาตั้งบริษัทเองโดยตรง โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในเชียงใหม่ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ที่พักแรมแบบให้เช่ารายวัน-รายสัปดาห์ ร้านอาหาร ขนส่งสินค้า บริษัทรับจองตั๋วเครื่องบิน โดยบริษัทเหล่านี้จะตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ และกระจายออกไปตามอำเภอหางดง อำเภอสารภี และสันกำแพง เป็นต้น และนอกจากเชียงใหม่แล้ว นักลงทุนจีนยังมีการตั้งบริษัทเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ระยอง ชลบุรี เป็นต้น

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: