สื่อ 'ฐานเศรษฐกิจ' เสนอรายงานพิเศษระบุไทยเตรียมดึง ดึง 400 บริษัทจีน ลงทุน EEC เพิ่ม หลัง ‘แจ็ค หม่า’ ทุ่ม 1.1 หมื่นล้าน ปักหมุดสมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ที่ฉะเชิงเทรา ‘อมตะ-WHA’ ลุ้นอาลีบาบาเลือกพื้นที่นิคมอุตฯ แห่งใหม่ นายกสมาคมค้าออนไลน์ห่วงกระทบ อี-คอมเมิร์ซไทย สินค้าจีนทะลัก ที่มาภาพประกอบ: eeco.or.th
เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ นำเสนอรายงานพิเศษเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2561 ระบุว่านำร่องไปแล้วสำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 4 ฉบับ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐของไทยและบริษัทในเครืออาลีบาบา กรุ๊ป เพื่อส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอลของไทย ภายใต้ยุทธศาสตร์ประเทศไทย 4.0 โดยมีความร่วมมือในหลากหลายมิติ อาทิ การส่งเสริม SMEs ทุกระดับเข้าสู่ อี-คอมเมิร์ซ การพัฒนาของดาวเด่น หรือ Talents ของไทย ในด้านดิจิตอล การยกระดับระบบโลจิสติกส์ โดยอาศัยเทคโนโลยีชั้นนำของอาลีบาบา และการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านระบบดิจิตอล โดยมี นายแจ็ค หม่า ประธานกรรมการบริหารกลุ่มอาลีบาบา กรุ๊ป เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยาน
การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการนำร่อง ที่จะดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนตามมาอีกเป็นระลอก เพราะนอกจากความร่วมมือดังกล่าวแล้ว อาลีบาบายังทุ่มเงินลงทุน 1.1 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการสมาร์ท ดิจิตอล ฮับ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งรัฐบาลเชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนเพิ่มมากขึ้น
แจ็ค หม่า โปรยยาหอมไทย
นายแจ็ค หม่า กล่าวว่าความร่วมมือและแผนลงทุนที่มีในประเทศไทยนั้น ไม่ได้มีแต่เรื่องการซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มของ อี-คอมเมิร์ซ เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล ส่วนประเด็นที่มีความกังวลมากกว่าใครจะได้เปรียบ-เสียเปรียบ อาลีบาบาจะเข้ามากินรวบ ครอบงำธุรกิจไทยหรือไม่ จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การเข้ามาของอาลีบาบานั้นจะเป็นในลักษณะของ Win-Win คือ ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย แจ็ค หม่า ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า “ความจริงแล้ว ควรจะต้องเรียกว่ามี 3 Win ด้วยซ้ำ หมายถึงโครงการของอาลีบาบาจะทำให้เกิดผู้ได้ประโยชน์ 3 ฝ่าย คือ ประชาชนหรือผู้บริโภค หุ้นส่วนของเรา และตัวเราเอง”
แจ็ค หม่า ยังระบุอีกว่า อาลีบาบามีแนวคิดการทำงานมุ่งช่วยและเปิดโอกาสในการสร้างรายได้ และสร้างการเติบโตให้กับ SMEs คนรุ่นใหม่ และเกษตรกร ซึ่งที่ผ่านมา พวกเขาเป็นคนธรรมดา ๆ คนตัวเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีสิทธิ์มีเสียงอะไร “ผมไม่ได้สนใจคนที่พูดว่า เราจะมาแย่งงานคนไทย แต่ผมสนใจและมุ่งหวังที่จะทำให้ SMEs ไทย เกษตรกรและคนรุ่นใหม่ของไทยประสบความสำเร็จ นี่คือ พันธกิจที่เราจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนให้ประสบความสำเร็จในประเทศไทย”
ท่องเที่ยว-ส่งออก จุดแข็งไทย
นอกจากประเทศไทย อาลีบาบายังมีโครงการลงทุนและความร่วมมือในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างมาเลเซีย โดย แจ็ค หม่า วิเคราะห์ว่าไทยมีจุดแข็งอย่างมากด้านการท่องเที่ยว คนจีน 10 ล้านคน แห่มาเที่ยวไทยในแต่ละปี ถ้าสามารถนำระบบดิจิตอลมาเสริมเขี้ยวเล็บให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวของไทย ก็จะยิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนได้มากขึ้น
ในส่วนของสินค้าก็เช่นกัน แพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ของอาลีบาบา ประกอบกับระบบโลจิสติกส์ที่เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรม จะช่วยให้สินค้าไทยบุกเข้าสู่ตลาดจีน ที่มีชนชั้นกลางกำลังซื้อสูง 30 ล้านคน ได้มากขึ้น กล่าวโดยสรุป คือ ไทยมีศักยภาพที่จะยกระดับทั้งด้านการท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะที่ มาเลเซียมีศักยภาพหรือจุดแข็งที่จะพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอินเตอร์เน็ต
เล็ง 2 พื้นที่ ตั้งดิจิตอล ฮับ
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เปิดเผยว่าเมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเมืองหางโจว เพื่อเชิญชวนนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในอีอีซี พบว่า นักลงทุนจีนประมาณ 400 ราย ต้องการขยายการลงทุนนอกประเทศเพิ่มขึ้น เนื่องจากการลงทุนในจีนถึงจุดอิ่มตัว ทำให้ไทยเป็นประเทศเป้าหมายแรกที่นักลงทุนจีนตัดสินใจเข้ามาลงทุน
โดยเฉพาะการตัดสินใจลงทุนของกลุ่มอาลีบาบา ในการจัดตั้งสมาร์ท ดิจิตอล ฮับ พื้นที่ราว 300 ไร่ ใน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรม 2 แห่ง คือ พื้นที่ของกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA และกลุ่มบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA จะทำให้นักลงทุนจีนสนใจที่จะตามเข้ามาลงทุนในพื้นที่รอบ ๆ สมาร์ท ดิจิตอล ฮับ เพื่อลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ, ยานยนต์สมัยใหม่, บรรจุภัณฑ์ และโลจิสติกส์ เป็นต้น
“ขณะนี้ ทาง สกรศ. มีทีมงานที่จะไปหารือกับนักลงทุนจีน ในกลุ่มดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชิญชวนเข้ามาลงทุน ซึ่งนักลงทุนจีน 400 ราย ถือเป็นกลุ่มที่ดำเนินงานด้านอุตสาหกรรมไฮเทคอยู่แล้ว เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ประเทศไทยต้องการ”
อมตะมั่นใจได้อานิสงส์
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ทางกลุ่มอาลีบาบาได้เข้ามาเจรจาที่จะเช่าพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของบริษัท ที่อยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา เชื่อว่าในระยะอันใกล้นี้ น่าจะได้ข้อสรุป และมั่นใจว่า ทางอาลีบาบาจะเลือกพื้นที่ของอมตะ ซึ่งการลงทุนของกลุ่มอาลีบาบาในพื้นที่อีอีซี จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มนักลงทุนจีนที่จะตามมาลงทุนมากขึ้น ซึ่งการเตรียมพื้นที่รองรับไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากนิคมฯ แห่งใหม่มีพื้นที่ราว 5-6 พันไร่ ซึ่งบริษัทจะพัฒนาเป็น สมาร์ท ซิตี และดิจิตอล ฮับ อยู่แล้ว เมื่อทั้ง 2 ฝ่าย มีแนวคิดที่ตรงกัน ก็น่าจะเป็นพันธมิตรกันได้ และยังมีพื้นที่ว่างรองรับนักลงทุนจีนได้อีกมาก
หวั่นสินค้าจีนทะลักไทย
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ นายกสมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่าการเข้ามาเซ็นเอ็มโอยูของอาลีบาบากับรัฐบาล เพื่อสนับสนุนด้าน อี-คอมเมิร์ซ ในไทย มองในระยะสั้นจะช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้าออนไลน์ของไทยให้เติบโตขึ้น เนื่องจากอาลีบาบามีความเชี่ยวชาญด้าน อี-คอมเมิร์ซ โดยเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก และมีการทุ่มเงินลงทุนการตลาดมหาศาล แต่ที่น่ากังวล คือ การที่เข้ามาลงทุนวางโครงสร้างพื้นฐานด้าน อี-คอมเมิร์ซ ทั้งหมด ทั้งมาร์เก็ตเพลส ระบบชำระเงิน ระบบคลังสินค้า และการขนส่งสินค้า โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุน จะเป็นสะพานให้กับสินค้าจรนจะหลั่งไหลเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งในระยะยาวน่าจะส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการ หรือ ผู้ผลิตสินค้าไทย ไม่สามารถแข่งขันได้ และทำให้ประเทศขาดดุลการค้าจีนที่เพิ่มขึ้น
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ