พาณิชย์จับมือกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ตั้งโลจิสติกส์ชุมชนใช้ประโยชน์จากรถกระบะ รับจ้างขนส่งสินค้าเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ คาดเปิดให้บริการกลางเดือน พ.ย. 2561 นี้ ที่มาภาพประกอบ: Wikimedia Commons
เว็บไซต์ Money Channel รายงานเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2561 ที่ผ่านมาว่านายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่ากระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ จัดทำโครงการโลจิสติกส์ชุมชน หรือ Local Logistics เพื่อสร้างรายได้เสริมให้แก่สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ และคนในท้องถิ่น รวมถึงสนองความต้องการใช้บริการภาคขนส่งของคนในพื้นที่
ซึ่งพัฒนาธุรกิจการค้าได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมหารือถึงรายละเอียดการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว โดยสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ และคนในท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีรถกระบะสภาพดีและประสงค์ที่จะหารายได้เสริม โดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจะเป็นผู้รวบรวมสมาชิกเพื่อเข้าร่วมโครงการฯ
อธิบดีกรมพัฒนธุรกิจการค้า บอกด้วยว่าเบื้องต้นจะเน้นการให้บริการขนส่งสินค้าระยะใกล้หรือเฉพาะในพื้นที่หรือในพื้นที่ที่ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายอื่นเข้าไม่ถึง หลังจากนั้นจะมีการประเมินผลสำเร็จของการดำเนินงานและนำผลที่ได้มาพัฒนาการให้บริการเพื่อครอบคลุมพื้นที่อื่นๆ โดยสินค้าที่รับขนส่งจะเน้นที่สินค้าโอทอป สินค้าชุมชน สินค้าเกษตร และสินค้าเอสเอ็มอี ก่อนเป็นลำดับแรก โดยมอบหมายให้กรมการค้าภายในเชื่อมโยงความต้องการขนส่งสินค้าในพื้นที่ เช่น สมาร์ทฟาร์มเมอร์ ฟาร์มเอ้าท์เล็ท สินค้าโอทอป กลุ่มเกษตรกร บริษัทประชารัฐสามัคคี จำกัด และร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะจับมือกับภาคธุรกิจในการใช้แพลตฟอร์มกลางในรูปแบบแอพพลิเคชั่นเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการ ได้แก่ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ และคนในท้องถิ่นผู้เป็นเจ้าของรถกระบะกับผู้ที่ต้องการใช้บริการขนส่ง โดยทำหน้าที่จับคู่เพื่อให้บริการมีความสมบูรณ์และสะดวกรวดเร็ว เมื่อมีผู้ต้องการใช้บริการระบบจะแจ้งเตือนไปยังผู้ให้บริการที่อยู่ใกล้กับสถานที่ที่ผู้รับบริการต้องการขนส่งสินค้า เพื่อช่วยประหยัดต้นทุนเชื้อเพลิง รวมถึงการจัดทำระบบและวิธีชำระเงินให้สะดวก ปลอดภัย และยุติธรรม ทั้งต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ โดยแพลตฟอร์มกลางนี้จะมีระบบที่ใช้งานได้ง่าย ไม่มีความยุ่งยากซับซ้อน สะดวก รวดเร็ว ผู้ที่ไม่ถนัดในการใช้เครื่องมือสมัยใหม่ก็สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
โดยคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ประมาณกลางเดือน พ.ย. 2561 นี้ เป็นต้นไป และจะเริ่มนำร่องในจังหวัดใหญ่ที่มีธุรกิจเป็นจำนวนมากก่อน เช่น เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี และสงขลา
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ