รัฐบาลมาเลเซียเตรียมชะลอการยกระดับความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรป (EU) หลังเกิดความขัดแย้งทางการค้าในเรื่องน้ำมันปาล์ม ที่ EU คว่ำบาตรการใช้น้ำมันปาล์มในเชื้อเพลิงชีวภาพ โดยยกเรื่องการตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นเหตุผลสนับสนุน โดยรัฐบาลมาเลเซียไม่เห็นด้วยกับการร่วมมือทางเศรษกิจระหว่างอาเซียนกับ EU เพราะอาจส่งผลกระทบกลับมาถึงมาเลเซีย และประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย ที่รวมกันแล้วผลิตน้ำมันปาล์มคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 85% ของยอดการผลิตทั่วโลก
ขณะเดียวกันอินโดนีเซียกำลังเดินหน้าตามคำแนะนำของมาเลเซีย และทั้ง 2 ประเทศดังกล่าวเคยออกมากล่าวต่อต้านมติ EU ที่ผ่านความเห็นชอบในปี 2560 ห้ามการใช้น้ำมันปาล์มในเชื้อเพลิงชีวภาพ ภายในปี 2563
อย่างไรก็ตามข้อมูลจากบอร์ดน้ำมันปาล์มมาเลเซีย ระบุว่า EU เป็นผู้ซื้อน้ำมันปาล์มมาเลเซีย รายใหญ่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดีย โดยมีการนำเข้า 11.9 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วน 11.6% ของยอดส่งออกน้ำมันปาล์มมาเลเซีย มติดังกล่าวของ EU จะไม่ใช่การริเริ่มทางกฎหมายที่จะต้องให้ชาติสมาชิกลงนามรับรอง แต่ประเทศสมาชิกอย่าง ฝรั่งเศส ได้เดินหน้าตามระบบกฎหมายในประเทศ เพื่อยุติการใช้น้ำมันปาล์มในเชื้อเพลิงชีวภาพ ผ่านการยกเลิกมาตรการจูงใจด้านภาษี ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นการกีดกัน เพราะเป็นการให้ประโยชน์ทางอ้อมต่อผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของ EU
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Nikkei Asian Review, 29/01/2019
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ