นาย Mohamad Sabu รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย เผยว่ารัฐบาลมาเลเซียมีแผนที่จะยกระดับยุทโธปกรณ์มาหลายต่อหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมาราคาเป็นอุปสรรคสำคัญ แต่แผนการใช้น้ำมันปาล์มชำระค่าอาวุธยุทโธปกรณ์ อาจช่วยเปิดหนทางใหม่สำหรับการยกระดับแสนยานุภาพทางอาวุธของประเทศ โดยอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าอย่างน้อย 6 ชาติ เพื่อทดแทนยุทโธปกรณ์เก่าเก็บเพื่อเพิ่มแสนยานุภาพในการป้องกันตนเอง
ปัจจุบันมามาเลเซียได้เริ่มเจรจากับจีน รัสเซีย อินเดีย ปากีสถาน ตุรกี และอิหร่านไปแล้ว ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียหวังให้ชาติดังกล่าวตอบรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนน้ำมันปาล์มกับอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะน้ำมันปาล์มในมาเลเซียนั้นมีจำนวนมาก โดยสาเหตุหลักอย่างหนึ่งคือการที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย 2 ชาติผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลก ตกอยู่ในประเด็นพิพาทกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการเลิกใช้น้ำมันปาล์มสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวภาพภายในปี 2030 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่า
ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศเป็นผู้จัดหาน้ำมันปาล์มป้อนตลาดโลกรวมกันแล้วมากถึง 85% ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ก็ใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่นกัน อาทิลิปสติกและสบู่ด้วย อย่างไรก็ตาม Mohamad Sabu ไม่ได้บะรุตัวเลขว่ามาเลเซียต้องใช้น้ำมันปาล์มปริมาณมากแค่ไหนสำหรับความเป็นไปได้ที่จะขอซื้อยุทโธปกรณ์กลาโหมจากทั้ง 6 ชาติ โดยสิ่งที่รัฐบาลมาเลเซียต้องการมากที่สุดคือเครื่องบินลาดตระเวณระยะไกล อากาศยานไร้คนขับ และเรือเร็วเพื่อไล่ติดตาม
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The New Strait Times, 27/08/2019
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ