นาย Amin Senin อธิบดีประจำกระทรวงศึกษาของมาเลเซีย เผยหลังจากคลิปไวรัลของนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งขณะทำกิจกรรมบนเวทีที่สะท้อนให้เห็นถึงการลดลงของประชากรลิงอุรังอุตังในมาเลเซียว่าเป็นผลจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ว่าป็นสิ่งที่ขัดแย้งโดยตรงกับนโยบายของชาติและอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงอันดีของประเทศ โดยรัฐบาลเตรียมที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อโรงเรียนที่เผยแพร่การรณรงค์ชวนเชื่อให้ต่อต้านน้ำมันปาล์มของมาเลเซีย
ที่ผ่านมาประเทศมาเลเซียเป็นชาติที่ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากอินโดนีเซีย และมีความพยายามของมาเลเซียที่จะปกป้องอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของตนเอง หลังจากเผชิญมาตรการต่อต้านจากสหภาพยุโรป (EU) ที่ประกาศจะเลิกใช้น้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงทดแทนในระบบขนส่งภายในปี 2030 เนื่องจากเห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มได้ก่อผลกระทบให้ป่าไม้ลดลงและยังทำลายแหล่งอาศัยของสัตว์
นอกจากนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานาง Teresa Kok รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรม เคยกล่าวไว้ว่าโรงเรียนแห่งนี้กำลังส่งเสริมความคิดที่สร้างความเกลียดชังต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ที่เป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และยังสร้างงานให้แก่คนจำนวนมากในประเทศ
อย่างไรก็ตามหลังจาก EU ตั้งเป้าจะยุติการใช้น้ำมันปาล์มเป็นเชื้อเพลิงทดแทน ได้ส่งผลกระทบต่อชาติส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่อย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ส่งผลให้นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ต้องตอบโต้ว่า EU กำลังจะเปิดสงครามการค้าจากการดำเนินนโยบายที่ไม่เป็นธรรมต่ออุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม โดยมาเลเซียและอินโดนีเซียยังขู่ที่จะนำเรื่องร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลกด้วย
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The Malaysian Insight, 4/07/2019
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ