กรมส่งเสริมสหกรณ์สั่งทุกจังหวัดประสานสหกรณ์ในพื้นที่เตรียมพร้อมจุดรับซื้อ เม.ย.-พ.ค. 2562 ตั้งเป้ารวบรวมข้าวโพดหลังนา 537,593.23 ตัน ส่งป้อนโรงงานผลิตอาหารสัตว์ 8.30 บาท/กก. จังหวัดที่คาดว่าจะรวบรวมได้ปริมาณสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 132,951 ตัน เพชรบูรณ์ 57,672 ตัน และพิษณุโลก 55,714 ตัน ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ว่านายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ระบุว่าการดำเนินโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ 3 เกษตรกรทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตส่งขายสหกรณ์ในพื้นที่ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผลผลิตเฉลี่ย 1,000 – 1500 กก./ไร่ และมีบางจังหวัดเกษตรกรดูแลผลผลิตตั้งแต่การปลูกจนเก็บเกี่ยวตามหลักวิชาการ ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงถึง 2,200 กิโลกรัม ขณะนี้ปริมาณข้าวโพดที่สหกรณ์รวบรวมประมาณ 40,721.13 ตัน มูลค่ารวม 265.89 ล้านบาท คาดว่าผลผลิตจะออกมากตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย. 2562 เป็นต้นไป และจะเก็บเกี่ยวหมดเดือน พ.ค. 2562 ซึ่งจากการคาดการณ์ปริมาณข้าวโพดของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดประมาณ 537,593.23 ตัน และจังหวัดที่คาดว่าจะรวบรวมได้ปริมาณสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ 132,951 ตัน เพชรบูรณ์ 57,672 ตัน และพิษณุโลก 55,714 ตัน
ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์สนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรในพื้นที่ดูแลเรื่องการตลาดให้แก่เกษตรกร โดยการเปิดจุดรวบรวมและรับซื้อผลผลิตประจำทุกอำเภอ 346 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกเกษตรกรไม่ต้องขนข้าวโพดไปขายให้กับโรงงานอาหารสัตว์ที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ระยะทางไกลช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง ขณะเดียวกันทางสำนักงานสหกรณ์จังหวัดได้ประสานสหกรณ์การเกษตรทำข้อตกลงร่วมกับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์ เพื่อรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ทำให้เกษตรกรมีความมั่นใจว่ามีแหล่งรับซื้อข้าวโพดที่แน่นอนและได้ราคาที่เป็นธรรม แม้บางพื้นที่มีเอกชนรายย่อยได้เข้าไปแย่งซื้อผลผลิตจากเกษตรกร แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังมีความมั่นใจที่จะรวบรวมข้าวโพดส่งขายให้สหกรณ์ เนื่องจากสหกรณ์มีเครื่องชั่งน้ำหนักที่ได้มาตรฐานและให้ราคารับซื้อที่เป็นธรรม ขณะเดียวกันทางสหกรณ์ได้ทำข้อตกลงซื้อขายข้าวโพดกับเอกชนผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ไว้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้ว
“ขณะนี้แต่ละจังหวัดทำแผนรวบรวมข้าวโพดเป็นรายสัปดาห์ กรมฯ ได้สั่งการให้สหกรณ์จังหวัดประสานกับสหกรณ์เพื่อลงพื้นที่สำรวจแปลงข้าวโพดที่รอการเก็บเกี่ยวและวางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิตร่วมกับสมาชิก และสหกรณ์จะต้องบริหารจัดการเครื่องจักรกลการเกษตร รถเกี่ยวและเครื่องสีข้าวโพดสำหรับให้บริการแก่เกษตรกร รวมถึงจะต้องเตรียมพร้อมอุปกรณ์การตลาด ฉาง ลานตาก และโกดัง ที่จะรองรับผลผลิตในช่วงที่ออกมาพร้อมกัน” นายพิเชษฐ์ กล่าว
สำหรับข้าวโพดที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและนำมาขายให้สหกรณ์ ความชื้นเฉลี่ย 28-31% ราคา 6-7 บาท/กก. เมื่อสหกรณ์รับซื้อจากเกษตรกรแล้วนำมาอบลดความชื้นเหลือ 14.5% และส่งเข้าโรงงานอาหารสัตว์ราคา 8.30 บาท/กก. ซึ่งสูงกว่าที่สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยกำหนดราคารับซื้อที่หน้าโรงงานไว้ก่อนที่จะเริ่มฤดูกาลเพาะปลูกข้าวโพด ความชื้นไม่เกิน 14.5% อยู่ที่ 8 บาท/กก. ทั้งนี้ เกษตรกรที่หันมาปลูกข้าวโพดแทนการทำนาปรัง เมื่อหักต้นทุนจะมีกำไรเฉลี่ย 3,000 - 4,000 บาท/ไร่ มากกว่าการปลูกข้าวที่หักต้นทุนแล้วจะเหลือกำไรเพียงไร่ละ 700 – 1,300 บาท เนื่องจากผลผลิตข้าวต่อไร่ต่ำกว่าและต้นทุนการทำนาสูงกว่าการปลูก สำหรับโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนามีเกษตรกรสมัครเข้าร่วมโครงการ 90,375 ราย พื้นที่ปลูกข้าวโพด 764,275 ไร่ ในพื้นที่ 37 จังหวัดเป้าหมาย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ