'บล.เอเซียพลัส' หั่น GDP ปี 2562 เหลือโต 2.7% หลังส่งออกหดตัว เหตุสงครามการค้ายืดเยื้อนานกว่าคาด ด้าน 'ศูนย์วิจัยกสิกร' ประเมินอยู่ที่ 3.1% หลังสงครามการค้ากดดันส่งออกทั้งปีไม่โต แต่มองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังดีขึ้น
เมื่อปลายเดือน มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมานายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่าได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยลงจากเดิมคาดว่าโตร้อยละ 3.4 เหลือโตร้อยละ 2.7 เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้การส่งออกปีนี้หดตัวร้อยละ 3 จากเดิมคาดว่าขยายตัวเพียงร้อยละ 0.5 ทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากการบริโภคครัวเรือนที่ยังได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลที่มีคะแนนเสียงสนับสนุนไม่เด็ดขาด ประกอบกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีล่าช้าจะกระทบต่อการพิจารณางบประมาณรายจ่ายปี 2563 ล่าช้าประมาณ 3 เดือน กระทบลงทุนหายไป 70,000-80,000 ล้านบาท และอาจมีผลต่อเนื่องถึงการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นคาดว่ารัฐบาลชุดใหม่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและโครงการมารดาประชารัฐ เพื่อกระตุ้นการบริโภคประชาชน
ด้านนางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะชะลอตัวลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาสงครามการค้ามีความยืดเยื้อที่ส่งผลกระทบกับส่งออกถึง 0.6% หรือ 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้การส่งออกของไทยปีนี้จะไม่ขยายตัวลดลงจากประมาณการเดิมที่คาดจะขยายตัวได้ 3.2% ทำให้กดดันเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.9-3.3% หรือค่ากลางที่ 3.1% ลดลงจากประมาณการเดิมที่อยู่ที่ 3.7% ขณะที่ปี 2563 ยอมรับว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้าอยู่ ซึ่งจะได้รับผลกระทบมากกว่า 0.6% ของจีดีพีแน่
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขจีดีพีทั้งปีอาจปรับตัวลดลง แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่คาดว่าจะผลักดันนโยบายที่สอดคล้องกับที่พรรคร่วมรัฐบาลเคยหาเสียงไว้ช่วงก่อนการเลือกตั้ง อาทิ นโยบายประชารัฐ การประกันรายได้พืชผลเกษตร รวมถึงนโยบายเร่งด่วนเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นชดเชยผลกระทบจากความล่าช้าของงบประมาณประจำปี 2563 ได้
ที่มาเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย [1] [2]
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ