เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนบังกลาเทศเผยว่า กลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากหลบหนีจากที่อยู่อาศัยในรัฐยะไข่ข้ามแดนเข้าไปในฝั่งบังกลาเทศในช่วงหลายวันมานี้ หลังเกิดการสู้รบที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องระหว่างทหารพม่า และกลุ่มกบฏชาวยะไข่ ตามการเปิดเผยของนักเคลื่อนไหว โดยชาวพม่าราว 38 ครอบครัวหลบหนีออกจากบ้านของตัวเองเพราะกลัวการโจมตีการปะทะกันระหว่างทหารพม่าและกองทัพอาระกัน ที่กองกำลังส่วนใหญ่เป็นชาวยะไข่ ส่งผลให้ผู้คนในหลายพื้นที่ของรัฐยะไข่ และรัฐชินต้องพลัดถิ่นมากกว่า 5,000 คน ตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา

รัฐยะไข่ ที่ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ในปี 2560 เกิดเหตุโจมตีด่านรักษาความมั่นคงโดยกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจากชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา จนทหารดำเนินการปราบปรามตอบโต้ ที่เป็นผลให้ชาวโรฮิงญามากกว่า 730,000 คน ต้องอพยพหลบหนีออกจากบ้านเรือนเข้าไปอาศัยตามค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองคอกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศ 

โดยสมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนบังกลาเทศ เผยว่าได้เดินทางไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยที่สมาชิกของชนกลุ่มน้อยชาติพัน Khumi และยะไข่ ในค่ายพักกลางป่า ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ข้ามพรมแดนเข้ามาในฝั่งบังกลาเทศตั้งแต่วันอาทิตย์และวันจันทร์ หลบหนีออกจากหมู่บ้านในเมือง Paletwa ของรัฐชิน หลังได้ยินเสียงปืน และเห็นเฮลิคอปเตอร์บินอยู่ไม่ไกล

อย่างไรก็ตามบังกลาเทศได้เรียกพบทูตพม่าเพื่อประท้วงเกี่ยวกับผู้อพยพกลุ่มใหม่ ตามการระบุของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนบังกลาเทศเผยอีกว่า ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ใกล้ชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดนของผู้ลี้ภัย

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Al-Jazeera, 8/02/2019