ทำเนียบประธานาธิบดีพม่าสั่งกองทัพเตรียมเปิดฉากปฏิบัติการปราบปรามผู้ก่อการร้ายในรัฐยะไข่รอบใหม่ หลังเกิดเหตุกองทัพปลดปล่อยอาระกันโรฮิงญา (ARSA) โจมตีสถานีตำรวจ 4 แห่ง ส่งผลให้ตำรวจ 13 นาย เสียชีวิต และอีก 9 นาย ได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาหลายพันคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอยต่อระหว่างชายแดนพม่า-บังกลาเทศ ตกอยู่ในความหวั่นวิตก เนื่องจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นทุกวันระหว่างกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าและกลุ่มติดอาวุธ
แกนนำชาวโรฮิงญา เผยว่าการสู้รบอย่างหนักหน่วงระหว่างกองกำลังฝ่ายรัฐบาลและกองทัพอาระกันกำลังเกิดขึ้นในเขตพม่า ซึ่งสถานการณ์ตึงเครียดมาก นอกจากนี้การเสริมกำลังพลรักษาความมั่นคงและเสียงปืนที่ยิงกันทุกวันสร้างความตื่นตระหนกให้พวกเขา ยิ่งกว่านั้นป้อมปราการบางแห่งอยู่ชิดติดกับรั้วชายแดนที่ตั้งตามแนวลำธาร และกระท่อมของชาวมุสลิมพลัดถิ่นราว 4,500 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แคบๆ โดยเสียงยิงปืนได้ยินถี่ขึ้นหลังพระอาทิตย์ตกในอีกฝั่งหนึ่งของชายแดน
อย่างไรก็ตามพม่าปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ โดยกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการป้องกันตนเองจากกลุ่มติดอาวุธโรฮิงญาที่โจมตีด่านตำรวจ แต่สหประชาชาติเรียกร้องให้ดำเนินการสืบสวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในการปราบปราม
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Aljazeera, 9/01/2019
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ