เตือนพรรคการเมืองชูนโยบายดันราคาข้าวเปลือกสูงจนลืมกลไกตลาด

กองบรรณาธิการ TCIJ 14 มี.ค. 2562 | อ่านแล้ว 1770 ครั้ง

เตือนพรรคการเมืองชูนโยบายดันราคาข้าวเปลือกสูงจนลืมกลไกตลาด

'ชุติมา บุณยประภัศร' รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตือนพรรคการเมืองชูนโยบายดันราคาข้าวเปลือกสูงจนบิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไป ทำให้เมื่อสีแปรเป็นข้าวสารแล้วราคาสูงมากจนไม่สามารถขายในตลาดได้ เพราะคู่แข่งสามารถผลิตข้าวชนิดใกล้เคียงมาขายได้ในราคาที่ถูกกว่า ประเทศไทยเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วเมื่อ 6-7 ปีก่อน ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสูงจนเสียลูกค้าที่เคยซื้อจำนวนมาก ที่มาภาพประกอบ: ประชาชาติธุรกิจ

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2562 ว่า น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้โฟสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่าตอนนี้จะได้ยินข่าวพรรคการเมืองต่างก็ออกมาพูดถึงนโยบายข้าวที่จะบริหารให้ชาวนาพอใจ แต่ละพรรคมุ่งไปที่ราคาข้าวเปลือกตั้งเป้าว่าจะให้ชาวนาได้รับในราคาสูง ซึ่งก็เป็นเรื่องดี แต่อยากให้ทุกคนทราบข้อเท็จจริงว่าข้าวเป็นสินค้าประเภทที่เรียกว่าสินค้าโภคภัณฑ์มีปริมาณมาก หลายประเทศมีเหมือน ๆ กัน คล้าย ๆ กัน ในการบริโภค และมีคู่แข่งหลายประเทศเสนอขายในตลาดโลกปริมาณมากเหมือนกัน การสร้างความแตกต่างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือ คุณภาพ ซึ่งต้องครบทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มปลูก สีแปร จัดจำหน่าย

ดังนั้น การจะช่วยให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาสูงต้องช่วยที่ต้นเหตุ ไม่ใช่กำหนดว่าจะให้ข้าวเปลือกราคาเท่าใด ยิ่งสูง ชาวนายิ่งพอใจ เพราะจะได้ราคาดี แต่ถ้าราคาที่กำหนดเป็นราคาที่บิดเบือนกลไกตลาดมากเกินไปจนทำให้เมื่อสีแปรเป็นข้าวสารแล้ว ราคาสูงมากจนไม่สามารถขายในตลาดได้ เพราะคู่แข่งสามารถผลิตข้าวชนิดที่ใกล้เคียงมาขายได้ในราคาที่ถูกกว่ามาก ก็จะเสียตลาดแน่นอน ประเทศไทยเคยผ่านประสบการณ์นี้มาแล้วเมื่อ 6 - 7 ปีก่อน ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิสูง จนเสียลูกค้าที่เคยซื้อจำนวนมาก เพราะไม่สามารถสู้ราคาได้ แย่ที่สุด คือ เสียตลาดให้กับคู่แข่ง แม้ผลิตข้าวคุณภาพยังสู้เราไม่ได้ แต่ก็พอที่ลูกค้าจะยอมรับเพื่อทดแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด เพราะตลาดเริ่มสนใจข้าวของคู่แข่ง เมื่อทำตลาดมากขึ้น ผู้บริโภคก็ค่อย ๆ เกิดการยอมรับ เพราะราคาถูกกว่า คุณภาพพอรับได้ เราต้องใช้เวลาอีกหลายปีต่อมา เพื่อดึงราคาข้าวหอมมะลิให้กลับไปสู่ความเป็นจริงของราคาตลาด จนสามารถดึงส่วนแบ่งตลาดกลับมาได้ แน่นอนมันไม่เหมือนสภาพตลาดก่อนหน้า เพราะคู่แข่งเริ่มพัฒนาพันธุ์ของเขาให้ดีขึ้น สู้เราได้มากขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าการจะทำให้พี่น้องเกษตรกรได้ราคาข้าวเปลือกดี ไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่อยู่ที่คุณภาพ คือ ต้องมีพันธุ์ที่ดี ได้ผลผลิตปริมาณที่มากขึ้น เพื่อให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ผลิตในต้นทุนที่ต่ำลง มีการเก็บเกี่ยวที่ถูกต้อง มีโรงสีที่มีคุณภาพในการสีแปร และมีพ่อค้าในประเทศและผู้ส่งออกที่ร่วมมือกัน เสนอราคาขายที่เหมาะสม ไม่ขายตัดราคากัน เพราะผู้นำเข้ารออยู่แล้วที่จะกดราคาต่ำ ถ้ามีโอกาส เพราะราคาขายในประเทศ และราคาส่งออกจะสะท้อนมาเป็นราคาข้าวเปลือกในประเทศ เป็นราคาที่พี่น้องชาวนาจะขายได้ ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลไม่ให้ราคาในประเทศตกต่ำจนต่ำกว่าต้นทุนการผลิต จึงเป็นที่มาของมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อช่วยเหลือในช่วงราคาผลผลิตออกมาก เขียนมาถึงตรงนี้ก็จะมีคนออกมาวิจารณ์ว่าพูดได้ เพราะไม่รู้ของจริงเป็นอย่างไร ก็จะบอกว่าได้ทดลองปลูกข้าวด้วยตัวเองมาแล้ว 3 ฤดูกาล ทราบซึ้งถึงความยากลำบากที่พี่น้องต้องเผชิญ และเห็นใจ เข้าใจทุกฝ่ายที่ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวนา แต่คงมีแกะดำบ้างธรรมดาโลกที่อาจไม่ร่วมมือ

“การช่วยเหลือชาวนาด้วยการประกาศให้ข้าวเปลือกราคาสูงเกินไปจนบิดเบือนกลไกตลาด มีแต่จะทำร้ายซ้ำเติม และทำให้ไทยสูญเสียตลาดข้าวอย่างถาวร เหมือนในอดีตที่ผ่านมา และเป็นภาระรัฐบาลต้องเอางบประมาณมาแบกรับโดยไม่สมควร การจะให้พี่น้องชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้น ต้องทำหลายมาตรการประกอบกัน แล้วจะมีมาตรการอะไรบ้างค่อยติดตามต่อไป” น.ส.ชุติมา กล่าว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: