รมว.คลัง ผุดไอเดีย 'ตลาดทุนคนตัวเล็ก' คาดได้ข้อสรุปปี 2563

กองบรรณาธิการ TCIJ 15 ธ.ค. 2562 | อ่านแล้ว 1571 ครั้ง

รมว.คลัง ผุดไอเดีย 'ตลาดทุนคนตัวเล็ก' คาดได้ข้อสรุปปี 2563

รมว.คลัง ดันตั้งตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการตัวเล็ก แบบเดียวกับ SET- MAI คาดได้ข้อสรุปปี 2563 หวังรายเล็กเข้าถึงแหล่งทุนมากขึ้น พร้อมเผยแผนคลังปีหน้าสร้างสวัสดิการประชาชนมากขึ้น ที่มาภาพประกอบ: PIXNIO (CC0)

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2562 ว่านายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจฐานรากพลิกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย ว่าเศรษฐกิจไทยหากต้องการให้เดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งกับเศรษฐกิจฐานราก แต่รัฐบาลต้องการให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างความแข็งแกร่งจากภายในดังกล่าว เพื่อให้ไทยสามารถก้าวผ่านช่วงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว กระทบกับการส่งออกไทยให้ชะลอตัวลงอย่างมาก

ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังจะผลักดันให้เกิดตลาดทุนใหม่ ๆ สำหรับผู้ประกอบการตัวเล็ก ไมโครเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ให้มีแหล่งเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจมากขึ้น โดยเบื้องต้นได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การเข้าจดทะเบียนในตลาดใหม่ดังกล่าวของผู้ประกอบการรายเล็ก เพื่อระดมเงินทุนผ่านการซื้อขายหลักทรัพย์เช่นเดียวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ใน ตลท.และตลาดเอ็มเอไอ แต่จะมีเงื่อนไขการลงทุนแตกต่างกัน ทั้งทุนจดทะเบียน ลักษณะการเทรดหุ้น และเงื่อนไขการป้องกันความเสี่ยงต่างๆ ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เหล่านี้ และเปิดตัวตลาดดังกล่าวได้ ส่วนจะเปิดเทรดได้เมื่อไรต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมก่อน

"พูดง่ายๆ ว่าเป็นการเปิดกระดานลงทุนใหม่ แต่ให้กับผู้ประกอบการตัวเล็กมีพื้นที่ในการหาแหล่งเงินลงทุนใหม่เช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายใหญ่และรายกลาง ซึ่งลักษณะการเทรดจะคล้ายกัน แต่เงื่อนไขต้องแตกต่าง เพราะผู้ประกอบการรายเล็กยังมีความแข็งแกร่งไม่เท่ารายใหญ่ แต่ก็มีการร่วมทุน Venture cap ได้ด้วย ซึ่งมองว่าตลาดทุนที่จะสร้างมาใหม่นี้เป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กเติบโตได้มากขึ้น" นายอุตตม กล่าว

ทั้งนี้การสร้างตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการตัวเล็กนั้น มีขึ้นมาในหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จ อาทิ จีน และสิงคโปร์ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการตัวเล็กเข้ามาเทรดจำนวนมาก

นอกจากนี้ แผนงานของกระทรวงการคลังหลังจากนี้จะไม่ดูเพียงแค่วินัยการคลังอีกต่อไป แต่จะให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะการให้สวัสดิการกับประชาชนและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเชิงรุก มีการพัฒนาประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

"กำลังจะเดินหน้าทำให้เข้มข้นมากขึ้น วินัยการเงินการคลังก็ต้องรักษาไว้ แต่จะสนับสนุนให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ดีมากขึ้นมากกว่านี้ แบงก์รัฐก็จะส่งเสริมด้านเงินทุนให้มากขึ้น ซึ่งภาครัฐและเอกชนสามารถเข้าช่วยกัน เพื่อให้เกิดห่วงโซ่ที่สมบูรณ์มากขึ้น" นายอุตตม กล่าว

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: