การปรับคุณภาพน้ำมันเป็นมาตรฐาน Euro 5 ที่หวังเป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครอน (PM 2.5) อาจต้องใช้เวลาปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันนาน 5 ปี อย่างไรก็ตามอธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเร่งให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นทั้ง 6 แห่ง จัดทำแผนเสนอต่อกรมฯ ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อให้เริ่มผลิตได้จริงในปี 2567 คาดใช้เงินลงทุนกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท ที่มาภาพประกอบ: brad.erva-doce.info
Energy News Center รายงานว่านางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานเปิดเผยภายหลังการหารือร่วมระหว่างกรมธุรกิจพลังงาน กับตัวแทนผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน 6 แห่งประกอบด้วย ไทยออยล์, บางจาก, พีทีทีจีซี, เอสโซ, ไออาร์พีซี และเอสพีอาร์ซี เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2562 ว่าปัญหาสถานการณ์มลพิษทางอากาศในปัจจุบัน ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งมีค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมโครอน (PM 2.5) สูงเกินมาตรฐานนั้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยสาเหตุของปัญหาเกิดจากหลายปัจจัย เช่น จำนวนรถที่เพิ่มขึ้นมาก การจราจรติดขัด การมีอาคารสูงจำนวนมาก และจากสภาพอากาศที่ไม่ถ่ายเท รวมถึงปัญหาส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีมาตรฐานคุณภาพน้ำมันที่ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านในหลายประเทศ แต่ก็มีปัจจัยอื่นที่ส่งผลกระทบต่อปัญหามลพิษ เช่น สภาพเครื่องยนต์ การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้นทางกรมธุรกิจพลังงานก็เห็นว่าการปรับปรุงคุณภาพน้ำมัน จัดเป็นแนวทางหนึ่งในการบรรเทาปัญหามลพิษดังกล่าว
โดยในการหารือครั้งนี้กรมฯได้ขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการโรงกลั่น ให้เร่งดำเนินจัดทำแผนปรับปรุงคุณภาพน้ำมันสู่มาตรฐาน Euro 5 เร็วขึ้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในขั้นตอนดำเนินการ และให้ส่งแผนมาให้กรมฯพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า (21-24 ม.ค. 2562) อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนคุณภาพน้ำมันสู่มาตรฐาน Euro 5 นอกจากจะต้องกำหนดคุณสมบัติน้ำมัน (สเปก) ยังจะต้องปรับเครื่องยนต์ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายจะต้องดำเนินการคู่ขนานกัน ซึ่งที่ผ่านมาการปรับคุณภาพน้ำมันจากมาตรฐาน Euro 3 เป็น Euro 4 ทุกโรงกลั่นจะใช้เวลาเตรียมความพร้อม 5 ปี หลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ออกประกาศมาตรฐานน้ำมันอย่างเป็นทางการแล้ว แต่การขอความร่วมมือครั้งนี้ จะให้ผู้ประกอบการโรงกลั่นดำเนินการจัดทำแผนล่วงหน้าไปก่อน ในระหว่างที่รอการออกประกาศมาตรฐานของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมฯ ที่คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในปีนี้ จากนั้นจะใช้เวลา 5 ปี ในการเตรียมพร้อมผลิตน้ำมันตามมาตรฐาน Euro 5 หรือ เริ่มผลิตได้ในปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐาน Euro 5 มีวัตถุประสงค์ต้องการให้ลดการปล่อยค่ากำมะถันลงอีกจาก 100 PPM ในมาตรฐานยูโร 4 เป็นให้เหลือ 10 PPM ในน้ำมันเบนซินและดีเซล และในส่วนของดีเซล ยังจะต้องลดการปล่อยค่าสารโพลีไซคลิก อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอนจาก 11% ในมาตรฐานยูโร 4 เป็นให้เหลือ 8%
นางสาวนันธิกา กล่าวว่าสำหรับต้นทุนในการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐาน Euro 5 ขณะนี้ ทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงงาน (สนพ.) อยู่ระหว่างศึกษาต้นทุนที่ชัดเจน แต่ที่ผ่านมาในส่วนของภาคเอกชน ได้มีการศึกษาผลว่าจะต้องใช้เงินลงทุนราว 3.5 หมื่นล้านบาท สำหรับการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันของ 6 โรงกลั่น ซึ่งไม่รวมกับกรณีที่โรงกลั่นบางแห่งที่ได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานน้ำมันในบางโครงการไปแล้ว เช่น โรงกลั่นบางจาก ที่ลงทุนผลิตน้ำมัน E20 ตามมาตรฐาน Euro 5 และโรงกลั่นไทยออยล์ ที่ปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project :CFP) ซึ่งบางโครงการจะเสร็จปี 2563
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง
เตรียมเรียกตัวแทนโรงกลั่นน้ำมันหารือ หวังยกมาตรฐานน้ำมันเป็น Euro 5 แก้ปัญหาฝุ่นพิษ
พบ ‘ไอเสียดีเซล’ ต้นตอสำคัญปัญหา ‘ฝุ่นละอองกรุงเทพ’
จับตา: บทเรียนการปรับปรุงมาตรฐานรถยนต์และคุณภาพน้ำมัน Euro 3 และ 4
โรงกลั่นค้าน 'น้ำมันยูโร 5' ที่ช่วยลดมลพิษ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ