พาณิชย์ส่งหนังสือถึงผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดตามหาสินค้า GI ตัวใหม่ หวังเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น ปัจจุบันมูลค่าตลาดสินค้า GI มีประมาณ 4,000 ล้านบาท รัฐบาลได้ตั้งเป้าเป็น 30,000 ล้านบาทต่อปีได้ในอนาคต ที่มาภาพประกอบ: สวนทุเรียนนนท์พิณพา
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อต้นเดือน ส.ค. 2562 ว่า น.ส.วันเพ็ญ นิโครวนจำรัส รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่าหลังจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้กรมทรัพย์สินทางปัญญา เร่งค้นหาเพิ่มจำนวนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของรัฐบาลนั้น กรมฯ จะเร่งส่งหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือในการแต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดเพื่อร่วมกันค้นหาสินค้ารายการใหม่ๆ ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อตั้งกรรมการในระดับจังหวัด จะประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นประธานและมีพาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัด พัฒนาชุมชนจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ประมงจังหวัด เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้าเข้ามาเป็นกรรมการ เพื่อร่วมกันค้นหา คัดเลือกสินค้ารายการใหม่ๆ ให้ขึ้นทะเบียน GI เพิ่มอีกจังหวัดละ 1 รายการ จะมีสินค้า GI เพิ่มขึ้นอีก 77 รายการ แต่กรมฯ คิดว่า สามารถเพิ่มถึง 100 รายการได้ เพราะแต่ละจังหวัดยังมีสินค้าที่จะเข้ามาจดทะเบียนขึ้นเป็นสินค้า GI ได้
“มูลค่าตลาดสินค้า GI ของไทยในปัจจุบัน มีประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้จะผลักดันให้มีมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาทต่อปีได้ในอนาคต” น.ส.วันเพ็ญกล่าว
สำหรับความคืบหน้าการขึ้นทะเบียนสินค้า GI ล่าสุดได้มีการขึ้นทะเบียน GI แล้ว 111 รายการ จาก 71 จังหวัด ยังเหลืออีกแค่ 6 จังหวัด ก็จะมีสินค้า GI ครบทุกจังหวัด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประกาศโฆษณา 6 สินค้า เป็นของไทย 5 สินค้า คือ มะม่วงน้ำดอกไม้สีทองบางคล้า ฉะเชิงเทรา ผ้าไหมเก็บบ้านเมืองหลวง ศรีสะเกษ ปลาช่อนแม่ลา สิงห์บุรี ทุเรียนในวงระนอง แปจ่อเขียวแม่สอด ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นสินค้า GI ในจังหวัดที่ไม่เคยมี GI เลย 4 จังหวัด และเป็นของต่างประเทศ 1 สินค้า คือ กรานา พาดาโน อิตาลี ซึ่งหากไม่มีใครคัดค้าน น่าจะขึ้นทะเบียนได้ภายในเดือนก.ย.2562 นี้ และเมื่อ 5 สินค้าใหม่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว จะทำให้มีสินค้า GI เพิ่มเป็น 116 รายการ ใน 75 จังหวัด ทำให้เหลือเพียงแค่ 2 จังหวัด ที่ยังไม่มีสินค้า GI คือปทุมธานี ที่กำลังยื่นจดกล้วยหอมทองปทุม กับอ่างทอง ที่ยื่นจดกลองเอกราช โดยไม่น่าจะขึ้นทะเบียนทันในปีนี้ คาดว่าน่าจะขึ้นทะเบียนได้ในช่วงต้นปี 2563 เลยเป้าหมายการผลักดันโครงการ 1 จังหวัด 1 สินค้า GI ไปนิดเดียว
นอกจากนี้ กรมฯ พร้อมได้เดินหน้าขึ้นทะเบียน GI ในตลาดต่างประเทศ จะเน้นในตลาดเป้าหมายที่นิยมสินค้า GI ของไทย และเมื่อเร็วๆ นี้ได้ยื่นจดทะเบียนในจีนเพิ่มอีก 2 สินค้า คือ มะพร้าวน้ำหอมราชบุรี และทุเรียนปราจีนบุรี และในมาเลเซีย 3 สินค้า คือ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง และข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อให้ความคุ้มครองสินค้าของไทย เพราะเป็นสินค้าที่ชาวจีนและชาวมาเลเซียนิยมมาก ส่งผลให้ปัจจุบันสินค้า GI ไทยที่ได้ขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว มี 6 รายการ คือ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง และข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง ในสหภาพยุโรป เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ในเวียดนาม และผ้าไหมยกดอกลำพูน ในอินโดนีเซียและอินเดีย และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอในต่างประเทศ 8 รายการ ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ส้มโอทับทิมสยามปากพนัง มะขามหวานเพชรบูรณ์ ในจีน กาแฟดอยตุง ในกัมพูชาและญี่ปุ่น มะขามหวานเพชรบูรณ์ ลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน ในเวียดนาม กาแฟดอยช้าง สับปะรดห้วยมุ่น ในญี่ปุ่นเป็นต้น
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ