5 ปี การหายตัวไปของบิลลี่ครอบครัวยังรอคอยความยุติธรรม

กองบรรณาธิการ TCIJ 17 เม.ย. 2562 | อ่านแล้ว 2071 ครั้ง

5 ปี การหายตัวไปของบิลลี่ครอบครัวยังรอคอยความยุติธรรม

ครบรอบห้าปีการหายตัวไปของบิลลี่ หรือ พอละจี รักจงเจริญ นักกิจกรรมกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี หลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากนั้นไม่มีผู้พบเห็นเขาอีกเลย ภรรยาบิลลี่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กครอบครัวยังคงรอคอยความยุติธรรม ด้านแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องรัฐบาลชุดใหม่ผ่านร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปรามการทรมานและอุ้มหาย ย้ำวันนี้ควรเป็นอีกวันที่เตือนให้รัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลใหม่ ตระหนักถึงพันธกรณีของตนในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของประชาชน

17 เม.p. 2562 ครบรอบห้าปีการหายตัวไปของบิลลี่ หรือ พอละจี รักจงเจริญ หลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จากนั้นก็ไม่มีผู้พบเห็นเขาอีกเลย ก่อนที่จะหายตัวไป บิลลี่เป็นนักปกป้องสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชนชาวกะเหรี่ยง เขากำลังร่วมมือกับชาวบ้านคนอื่นและนักเคลื่อนไหวในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพื่อเตรียมฟ้องคดีต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าวางเพลิงเผาบ้านเรือนและทรัพย์สินของชาวบ้านระหว่างปี 2553 และ 2554

หลังจากบิลลี่หายตัวไป พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่ ร่วมกับเครือข่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรี ขอให้มีการไต่สวนการหายตัวไปของบิลลี่ แต่ต่อมาศาลยกคำร้อง โดยระบุว่าหลักฐานไม่เพียงพอ จากนั้นมึนอได้ยื่นหนังสือถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้เข้ามาตรวจสอบคดีนี้เป็นคดีพิเศษ จนกระทั่งปี 2561 ดีเอสไอได้รับคดีนี้เป็นคดีพิเศษ และเริ่มสอบสวนเมื่อปลายเดือนมิถุนายน 2561

แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ในวาระครบรอบการหายตัวไปของบิลลี่ เน้นให้เห็นถึงภัยคุกคามร้ายแรงที่นักปกป้องสิทธิมนุษยชนต้องเผชิญ ทั้งยังเผยให้เห็นความล้มเหลวของรัฐในการอำนวยความยุติธรรมให้กับผู้เสียหาย วันนี้ควรเป็นวันที่เตือนให้รัฐบาลปัจจุบันและรัฐบาลใหม่ ตระหนักถึงพันธกรณีของตนในการปกป้องและคุ้มครองสิทธิของประชาชน โดยหากจำเป็น รัฐต้องให้ความคุ้มครองเป็นการเฉพาะและมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้ต้องเผชิญกับการตอบโต้ในรูปแบบต่างๆ เพียงเพราะพวกเขาต้องการให้ประเทศนี้เท่าเทียมและเป็นธรรมขึ้นเท่านั้นเอง

“แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องทางการไทยให้การประกันว่า จะดำเนินการสอบสวนคดีบิลลี่อย่างเป็นอิสระ ไม่ลำเอียงและรอบด้าน โดยต้องนำไปสู่การเยียวยาครอบครัวและผู้ได้รับผลกระทบทุกคนอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษด้วย”

“รัฐบาลใหม่ยังควรกำหนดให้การผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. .... เป็นวาระเร่งด่วน ซึ่งร่างดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา หลังมีการแก้ไขเนื้อหาให้สอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศของไทย รัฐบาลใหม่ยังต้องปฏิบัติตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อเดือนมีนาคม 2560 ที่จะให้สัตยาบันรับรองอนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการสูญหายของบุคคลโดยการบังคับและโดยไม่สมัครใจ ซึ่งได้มีการลงนามไปแล้ว”

“ท้ายนี้รัฐบาลต้องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายซึ่งยังคงอนุญาตให้มีการควบคุมตัวบุคคลในสถานที่ควบคุมตัวอย่างไม่เป็นทางการ รวมทั้งการควบคุมตัวโดยไม่มีการแจ้งข้อหา หรือนำตัวมาไต่สวนในศาล” แคทเธอ รีนกล่าวทิ้งท้าย

ด้านพิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มึนอ ภรรยาของบิลลี่โพสต์ในเฟซบุ๊กระบุว่า ในวันสงกรานต์คนส่วนใหญ่คงสนุกสนานกัน แต่ครอบครัวของเธอยังคงรู้สึกเศร้า มีสนุกได้บ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่ผ่านมาชีวิตมีครบทุกรูปแบบ แต่อย่างไรเสียเธอยังหวังและรอคอยความยุติธรรมให้กับบิลลี่และครอบครัว

“ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไขได้ ขอเพียงเราทุกคน แม้ว่าจะเป็นชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ หรือจะมียศมีตำแหน่งอะไร หันหน้าเข้ามาคุยเจรจากัน อย่าดีแต่คอยจ้องจับผิดชาวบ้าน และให้รัฐบาลพิจารณากฎหมายบุคคลสูญหายให้ผ่านไวๆ ใช้อย่างเคร่งครัด รวมถึงคุ้มครองบุคคลที่เรียกร้องสิทธิชุมชน ครอบคลุมให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ของประเทศไทยและทั่วโลก” ข้อความสุดท้ายในจดหมายที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กของเธอ

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: