The Economist Intelligence Unit (EIU) เผยผลสำรวจเมืองที่ค่าครองชีพแพงที่สุดสำหรับชาวต่างชาติประจำปี 2018 พบกว่าประเทศสิงคโปร์ กรุงปารีส และฮ่องกง ครองแชมป์ร่วมกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่ 3 เมืองครองอันดับ 1 ร่วมกัน โดยปีที่แล้วปารีสอยู่อันดับ 2 ของเมืองแพงที่สุดในโลก ขณะที่เมืองราคาถูกที่สุดคือกรุงการากัสของเวเนซุเอลา

นอกจากนี้เมืองแพงที่สุดอันดับ 4 คือ กรุงซูริก ของสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 5 ครองร่วมกันคือ กรุงเจนีวา และกรุงโอซากา ของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่อันดับ 7 ครองร่วมกัน 3 เมือง คือกรุงโซล ประเทศเกาหลี กรุงโคเปนเฮเกน  ประเทศเดนมาร์ก และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และอันดับ 10 ครองร่วมกันคือ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล และนครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา

อย่างไรก็ตาม เมืองที่ถูกที่สุดในโลกอันดับ 1 ได้แก่ กรุงการากัส ประเทศเวเนซุเอลา อันดับ 2 คือ กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย และอันดับ 3 กรุงทาชเคนต์ ประเทศอุซเบกิสถาน โดยการสำรวจดังกล่าววัดจากราคาสินค้าและบริการ 160 ประเภท รวมถึง อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้า ค่าเช่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าเล่าเรียนบุตร และค่าสันทนาการ การสำรวจมีเป้าหมายช่วยบริษัทข้ามชาติ คำนวณเงินเดือนและเบี้ยเลี้ยงสำหรับพนักงานที่ส่งไปประจำเมืองต่างๆ ทั่วโลก

EIU เผยอีกว่าปารีสเป็นเมืองที่แพงมากสำหรับการอยู่อาศัย ยกตัวอย่างเช่น ชุดสูทธุรกิจ 2 สำหรับผู้ชาย ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63,258 บาท) และการตัดผมผู้หญิงในร้านธรรมดาทั่วไป ราคา 120 ดอลลาร์ (ราว 3,795 บาท) จึงมีเพียง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่าตั๋วโดยสารขนส่งสาธารณะ และบุหรี่เท่านั้นที่ราคาคุ้มค่าเงิน เมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในทวีปยุโรป

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Rappler, 19/03/2019