กรมแพทย์แผนไทย เลื่อนปลูก-ผลิตตำรับยา 'กัญชา' พื้นที่ภาคอีสาน หลังต้องส่งเอกสารขออนุญาตปลูกผลิตเพิ่มเติม คาดปลาย มิ.ย. - ต้น ก.ค. 2562 เริ่มปลูกและผลิตได้ ส่วน อ.เดชา ต้องรอเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่ และสูตรตำรับยาหมอพื้นบ้านผ่าน คกก.อีก 2 ชุด จึงใช้ได้ ส่วนเรื่องวัตถุดิบต้องรอหารือ ที่มาภาพประกอบ: DavidCardinez (Pixabay License)
ผู้จัดการออนไลน์ รายงานเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2562 นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการปลูกและผลิตกัญชาพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีกำหนดการเบื้องต้นวันที่ 18 มิ.ย. ว่า พื้นที่ภาคอีสานจะปลูกกัญชาโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตสกลนคร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จ.สกลนคร และผลิตเป็นยาโดย รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งเดิมกำหนดว่าจะปลูกและผลิตวันที่ 18 มิ.ย.นี้ แต่เนื่องจากยังต้องส่งเอกสารการขออนุญาตปลูกและผลิตเพิ่มเติม เพื่อให้เดินหน้าในการดำเนินการพร้อมกันได้ จึงยังต้องเลื่อนการปลูกและผลิตออกไปก่อน แต่คาดว่าจะเริ่มปลูกและผลิตได้ในช่วงปลาย มิ.ย. - ต้น ก.ค.นี้
เมื่อถามถึงกรณีทาง อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ห่วงเรื่องการใช้ตำรับยาหมอพื้นบ้านที่มีกัญชาปรุงผสม อาจติดขัดเรื่องของวัตถุดิบ นพ.มรุต กล่าวว่า น้ำมันกัญชาของนายเดชา จะแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ส่วนของงานวิจัยร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรงนี้ทางจุฬาฯ เป็นผู้ที่จะขอกัญชามาผลิตเพื่อดำเนินการวิจัยได้ และ 2.ส่วนของการใช้เป็นตำรับยาหมอพื้นบ้าน ซึ่งต้องรอ 2 ส่วน คือ ส่วนของตำรับยาหมอพื้นบ้านที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการอีก 2 ชุด จึงจะใช้ได้ และส่วนคุณสมบัติหมอพื้นบ้าน ซึ่งขณะนี้นายเดชายังไม่มีคุณสมบัติสมบูรณ์ที่จะจ่ายเองได้ แม้จะเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว เนื่องจากการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านของ อ.เดชา เป็นการใช้ระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยฯ แต่ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ระบุว่า หมอพื้นบ้านที่จะใช้กัญชาต้องเป็น หมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย
นพ.มรุต กล่าวว่า ขณะนี้มีการออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ. 2562 ตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 เพื่อรับรองหมอพื้นบ้านทั้งรายเก่าและรายใหม่ จึงจะต้องไปออกหลักเกณฑ์ที่จะรับรองหมอพื้นบ้านเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อมีหลักเกณฑ์แล้วก็จะมีการประชุมพิจารณาคุณสมบัติและข้อห้ามต่างๆ เพื่อประกาศประเภทของหมอพื้นบ้าน และนายเดชาเป็นหมอพื้นบ้านประเภทไหน เมื่อมีคุณสมบัติครบจึงจะสามารถใช้ตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมได้ ส่วนหมอพื้นบ้านรายอื่น เมื่อรับรองเป็นหมอพื้นบ้านตามระเบียบใหม่แล้ว ก็จะต้องไปดำเนินการอบรมการใช้กัญชา เพื่อขึ้นทะเบียน จึงจะสามารถใช้ได้เช่นกัน ส่วนเรื่องของวัตถุดิบก็คงต้องมาหารือกันอีกที ว่าจะเป็นอย่างไร
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ