รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ แสดงความเห็นจากกรณีที่เด็กหญิงอายุ 15 ปี คลอดเด็กออกมาแล้วนำไปฝังดินนั้น ระบุเด็กท้องไม่พร้อมไร้ทางออก ชี้เป็นความบกพร่องของรัฐที่ไม่พัฒนาระบบบริการตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2562 นายสมวงศ์ อุไรวัฒนา รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และผู้รับผิดชอบโครงการสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 แสดงความเห็นจากกรณีที่เด็กหญิงอายุ 15 ปี คลอดเด็กออกมาแล้วนำไปฝังดินนั้น ว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่ว่าจะเป็นการตกเลือด หรือบาดเจ็บจากการทำแท้งเถื่อน หรือการนำซากทารกไปทิ้งไว้ตามที่ต่างๆ เป็นผลจากการที่สังคมไทยยังไม่มีทางออกหรือทางเลือกที่มากพอให้กับผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อม ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นอยู่ในภาวะทางตัน ไร้ทางออก สาเหตุจากสังคมไทยมีทัศนะต่อเรื่องเพศสัมพันธ์ของเด็ก และผู้หญิงที่ตั้งท้องไม่พร้อมในเชิงลบ ซึ่งทัศนคติเหล่านี้ไม่เอื้อให้เกิดการวางระบบบริการที่ดีพอที่จะช่วยเหลือผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมให้มีทางเลือกและทางออกได้ รวมถึงไม่ได้เตรียมตัวเด็กให้ได้เรียนรู้เรื่องเพศศึกษาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิต ทำให้เมื่อเด็กประสบปัญหาจึงไม่มีทางออก ไม่เกิดการช่วยเหลือ
ผู้รับผิดชอบโครงการสายด่วนฯ ให้ข้อมูลว่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา สายด่วนปรึกษาเรื่องเอดส์และท้องไม่พร้อมได้ให้คำปรึกษากับผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมไปแล้ว 11,085 คน ซึ่งมากกว่าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วประมาณ 30% โดยเป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี 4,431 คน หรือคิดเป็น 28.58% ของคนที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม นอกจากนี้ คนที่มารับคำปรึกษายังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้านนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวถึงข้อเสนอ 4 ข้อดังนี้ คือ 1.ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมต้องใช้มาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้กับเด็กคนนี้มากกว่าการลงโทษ 2.ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.๒๕๕๙ ซึ่งมีสาระสำคัญในการช่วยเหลือเด็ก และกำหนดโดยกฎกระทรวงว่า เด็กวัยรุ่นสามารถเข้าถึงการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยได้ตามกฎหมาย หน่วยงานรัฐในฐานะที่รับผิดชอบต้องทำให้การยุติการตั้งครรภ์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่าย เป็นจริง เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้
ผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวต่อไปว่า ๓.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องลดเงื่อนไขในการยกบุตรให้กับสถานสงเคราะห์ลง โดยคนที่ท้องไม่พร้อมสามารถยกบุตรให้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดสถานะตัวเองและไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ เช่น เลี้ยงดูบุตรด้วยตนเองก่อนสักระยะ เป็นต้น รวมถึงต้องให้มีศูนย์ฝากเลี้ยงเด็กที่สอดคล้องกับปัญหาของผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมในทุกจังหวัด และ 4.สื่อมวลชนต้องหยุดใช้คำที่มีอคติ เช่น แม่ใจยักษ์ แม่ใจโหด ใจแตก แต่ควรนำเสนอให้เห็นสภาพปรากฏการณ์ที่เป็นข้อเท็จจริงและสภาพปัญหามากกว่าการใช้คำที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และการตีตราต่อคนที่ท้องไม่พร้อม
“เด็กและวัยรุ่นที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม อย่าช้า หรือนิ่งเฉย ให้รีบปรึกษาบริการที่เป็นมิตรที่มีอยู่ตามโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ หรือรีบโทรสายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 ได้ทุกวัน” นายนิมิตร์กล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ