คุยกันหลังหนังจบ: The Witcher การเมืองของเหล่าผู้วิเศษ

ธนเวศม์ สัญญานุจิต: 24 ธ.ค. 2562 | อ่านแล้ว 8999 ครั้ง


บทความชิ้นนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ 

The Witcher มีจุดกำเนิดจากนวนิยายแฟนตาซีสัญชาติโปแลนด์ ที่ถูกนำไปดัดแปลงเป็นวีดีโอเกมส์ชื่อดังคว้ารางวัล Game of the year และสาขาต่างๆ แทบทุกเวที มาสู่ ซีรีส์ Netflix 8 ตอน ใน season ที่ 1 เรื่องราวการเดินทางแห่งชะตากรรมของ “แกรอลท์” วิทเชอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็น “จอมเชือดแห่งบลาวิเคน”หรือ “หมาป่าสีขาว” วิทเชอร์ คือ คนที่ถูกดัดแปลงด้วยเวทย์มนต์ให้กลายเป็นพวกกลายพันธุ์ มีพละกำลังและประสาทสัมผัสดีกว่าคนทั่วไป เรียนรู้มนตรา คำสาป รวมถึงอสูรวิทยาอย่างครบถ้วน เพื่อรู้วิธีปราบอสูร การถอนคำสาป รวมถึงต่อสู้ในทุกศึกได้ แกรอลท์ต้องออกเดินทางตามหา ซิริ เจ้าหญิงแห่งซินทราที่กลายเป็นลูกบุญธรรมเพราะคำสัญญาบางอย่างที่พ่อแม่ของซิริทำไว้กับ แกรอลท์ ในอดีต และทำให้เขาพบพาน เยนนิเฟอร์ ผู้วิเศษโฉมงามผู้ปรารถนาจะมีลูก แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะภราดรผู้วิเศษทำลายมดลูกเธอไปในพิธีกรรมแปลงโฉม

โลกแฟนตาซีย้อนยุคของ The Witcher คือโลกเซตติ้งคล้ายยุคกลาง (medieval age) ซึ่งมีความแฟนตาซีผสมอยู่ด้วย ตามป่าเขาลำเนาไพร มีอสูรกายแบบต่างๆ มีชนเผ่า เอลฟ์ ผู้ทรงปัญญาหูแหลม รวมถึงตำนานโบราณ เวทย์มนต์ และคำสาป ส่วนสังคมมนุษย์เป็นระบบ manorism ที่ระบบเศรษฐกิจผูกเข้ากับปราสาท-เมือง ภายในเมืองจะพึ่งพาตัวเองได้ทุกอย่าง ผนวกรวมกับระบบสังคมแบบศักดินาสวามิภักดิ์ ที่มีชนชั้นและความรับผิดชอบของแต่ละฐานะ ไม่ว่าจะเป็น เจ้าเมือง อัศวิน ราษฎร ไปจนถึงกษัตริย์ แต่ในโลก The Witcher ไม่มีศาสนาคริสเตียนโรมัน คาทอลิค ที่ครอบงำอยู่ในโลกความเป็นจริง ชนชั้นนักบวชซึ่งในโลกความเป็นจริงนั้นทรงอิทธิพลในทางสังคมอย่างมาก ไม่มีอยู่ในโลก the witcher ในโลกนิยายนั้นมีศาสนาอยู่ แต่มิใช่คริสต์ เป็นศาสนาประหลาดของอาณาจักรนิล์ฟการ์ด

ชนชั้นนักบวชไม่มีอยู่ มีเพียง “ผู้วิเศษ” หรือจอมขมังเวทย์ มีฐานะเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์ตามอาณาจักรต่างๆ ใน “มหาทวีป”

หากพินิจพิเคราะห์ดูแล้ว อาณาจักรต่างๆ ในมหาทวีปนั้น มี “ระเบียบ” บางอย่างอยู่ คล้ายระเบียบการจัดการการเมืองระหว่างอาณาจักรต่างๆ โดยเหล่าผู้วิเศษคอยโยงใยและส่งอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ผู้วิเศษมิใช่การกำเนิดขึ้นเอง เพียงแต่เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกฝึกฝนมาด้วยศาสตร์เวทย์มนต์ จากกลุ่ม “ภราดรแห่งผู้วิเศษ” ที่พาตัวผู้มีพรสวรรค์ในการควบคุม “พลังโกลาหล” (Chaos) มาฝึกฝนที่สถาบัน และจัดหาผู้วิเศษให้อาณาจักรต่างๆ

ในมุมมองของการเมืองระหว่างประเทศ แม้ในโลกแฟนตาซีนี้จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “รัฐ” แต่อดไม่ได้ว่า ภราดรแห่งผู้วิเศษ นี้เอง เป็นตัวแสดง (actor) ของการเมืองในมหาทวีป ในฐานะของระเบียบการเมือง หรืออาจจะเสมือนเป็นองค์การระหว่างประเทศในโลกแฟนตาซี เพราะเหล่าผู้วิเศษนอกจากจะคอยจัดหาที่ปรึกษาของกษัตริย์ในอาณาจักรต่างๆ ให้แล้ว พวกเขายังคงควบคุมพฤติกรรมของกษัตริย์ได้ในระดับหนึ่งผ่านผู้วิเศษของพวกเขา

“ไม่มีผู้วิเศษใฝ่สูงคนใดอยากไปทางใต้ของซอดเดน แต่นิล์ฟการ์ดจำเป็นต้องถูกแก้ไข บางทีเราอาจต้องพิจารณาส่งคนที่จิตใจแกร่งกว่านี้ไป” หนึ่งในผู้วิเศษกล่าวในการประชุมสมัชชาของภราดรฯ ซึ่งเป็นการคัดเลือกผู้วิเศษที่จะส่งไปอาณาจักรต่างๆ ซึ่งในภายหลังมีการเปิดเผยว่า เพื่อควบคุมพฤติกรรมก้าวร้าวของบางอาณาจักรที่ต้องการขยายดินแดนตนเอง และจะนำไปสู่สงครามในมหาทวีป

เมื่อนิล์ฟการ์ดรุกรานดินแดนต่างๆ รวมถึงอาณาจักรซินทรา เพื่อต้องการชิงตัวเจ้าหญิงซิริลา ที่มีพลังบางอย่างแฝงในตัว เหล่าผู้วิเศษจึงต้องประชุมเร่งด่วน เพราะระเบียบกำลังพังทลายลง เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่านิลฟ์การ์ดจะหยุดอยู่แค่การรุกรานซินทรา เมื่ออาณาจักรหนึ่งขยายดินแดนและเข้มแข็งมากเกินไป เหล่าผู้วิเศษจำเป็นต้องแก้ไข

แต่ว่าการเมืองก็ไม่ได้ง่ายดาย ซินทรา เป็นอาณาจักรที่ปฏิเสธที่ปรึกษาจากเหล่าภราดรผู้วิเศษ คล้ายการคว่ำบาตรไม่ยอมรับภราดรผู้วิเศษ ทำให้เหล่าผู้วิเศษกลุ่มหนึ่งที่ต้องการรักษาระเบียบในมหาทวีปโดยการช่วยซินทราขับไล่นิลฟ์การ์ดทำได้ยากเย็นยิ่ง เพราะผู้วิเศษอีกกลุ่มหนึ่งรู้สึกว่า ซินทรา ไม่ควรค่าแก่ความช่วยเหลือของพวกเขา สมควรปล่อยให้ล่มสลายไป โดยไม่ระแวดระวังว่า เพราะเหตุใดนิลฟ์การ์ดจึงรุกรานซินทรา

“มันไม่ใช่แค่ซินทรา นิลฟ์การ์ดจะไม่พอใจจนกว่าจะยึดได้ทั้งมหาทวีป”

“ท่านรู้ได้อย่างไร”

“เพราะหากเป็นข้า ก็จะโกหกเช่นนั้น”

รวมไปถึงการก่อสงครามรุกรานอาณาจักรอื่นของนิลฟ์การ์ด ก็มีต้นสายปลายเหตุมาจาก ผู้วิเศษ เช่นเดียวกัน

ฟรินจิลลา คือผู้วิเศษประจำนิลฟ์การ์ด เธอเองก็มาที่ประชุมของภราดรผู้วิเศษ เพื่อโน้มน้าวภราดรให้นิ่งเฉยเสีย นิลฟ์การ์ดจะหยุดอยู่เพียงซินทรา พร้อมปกป้องการดำเนินนโยบายต่างๆ อันโหดร้ายของนิลฟ์การ์ดแก่ที่ประชุม ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ผู้วิเศษเป็นทาส การค้นคว้ามนตราชั่วร้าย มนตราต้องห้ามต่างๆ และเท่าที่เราทราบ ฟรินจิลลาเองก็ชักใย เคียร์ อัศวินนิลฟ์การ์ดที่มีภารกิจตามล่าซิริ ซึ่งเธอก็ใช้จิตวิทยาคอยปลุกเร้าให้เขาทำภารกิจต่อไป เพื่อนำอำนาจของซิริไปมอบให้จักรพรรดินิลฟ์การ์ด เพื่อ “ขยายความยิ่งใหญ่ของเขาไปทั่วมหาทวีป”

“หากท่านไม่อยากเลือกข้าง อย่างน้อย ก็อย่ามาขวางเรา” ฟรินจิลลาประกาศต่อที่ประชุม

“ซินทรานั้นหมดทางเยียวยาแล้ว ให้พวกเขารับผลที่ก่อไว้เองเถอะ” ผู้วิเศษท่านหนึ่งกล่าวต่อ

แม้เราจะยังไม่ทราบจุดประสงค์แท้จริงของจักรพรรดินิลฟ์การ์ด หรือฟรินจิลลา หรือแม้แต่ผู้วิเศษบางกลุ่มที่เข้าข้างฟรินจิลลาในที่ประชุม แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า มีการเมืองภายในกลุ่มภราดร และการเมืองของพวกเขานี้เอง เป็นหนึ่งในเชื้อไฟสงคราม และเป็นตัวที่ทำให้กลไกการยับยั้งสงครามของภราดรผู้วิเศษ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

สุดท้ายแล้วนิลฟ์การ์ดรุกรานสังหารหมู่อาณาจักรซินทรา ไล่ล่าหาตัวซิริเพื่อแสวงหาอำนาจที่เธอถือครองไว้ แม้จะบอกว่าเป็นชะตากรรมที่ผูกโยงผู้คนและเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ด้วยกัน แต่ก็ยากจะปฏิเสธว่า การเมืองและระบบระเบียบระหว่างอาณาจักร มีส่วนอย่างมากในการเกิดสงครามในโลกของ The Witcher ที่ซึ่งผู้มีอิทธิพลแท้จริงอาจเป็นผู้วิเศษที่คอยชักใยเหล่ากษัตริย์ ผู้วิเศษที่ใฝ่สูงแสวงหาอำนาจของซิริ และเหล่าผู้วิเศษที่ไม่ยอมดำเนินการรักษาระเบียบแห่งมหาทวีป เหล่านี้เอง ทำให้นิลฟ์การ์ดออกรุกรานมหาทวีปได้

ส่วนผลสรุปของสงครามแห่งมหาทวีปนี้ ชะตากรรมของเจ้าหญิงซิริ แกรอลท์ และเยนนิเฟอร์ ทุกท่านคงต้องติดตามกันในซีรีส์ The Witcher ต่อไป

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: