ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชา 3 กลุ่ม มีผล 27 ก.พ. 2562

กองบรรณาธิการ TCIJ 26 ก.พ. 2562 | อ่านแล้ว 4272 ครั้ง

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ประกาศนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชา 3 กลุ่ม มีผล 27 ก.พ. 2562

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชา 3 กลุ่ม 1.แพทย์ นักวิจัย วิสาหกิจชุมชน 2.ผู้ป่วย และ 3.กลุ่มอื่นๆ ตามกฎหมาย ผู้ที่ครอบครองกัญชาทั้ง 3 กลุ่มสามารถเดินทางมาแจ้งการครอบครองได้ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน 1556 กด 3 ในวันและเวลาราชการซึ่งให้บริการตอบข้อซักถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยตรง

26 ก.พ. 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่กฎหมายลำดับรองที่ออกตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ลงนามโดย นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุข หรือให้ทำลายกัญชาที่ได้รับมอบจากบุคคล ซึ่งไม่ต้องรับโทษ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ฉบับที่ 2 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะตัว ก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ใช้บังคับให้ไม่ต้องรับโทษ และ ฉบับที่ 3 ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแจ้งการมีไว้ในครอบครองกัญชา สำหรับผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 และบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ป่วยตามมาตรา 22 (2) ก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ ใช้บังคับให้ไม่ต้องรับโทษ กล่าวคือ บุคคลที่ไม่ใช่กลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ซึ่งทั้ง 3 ฉบับให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

อ่านรายละเอียดฉบับเต็มในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การกำหนดให้ยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชาตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุข หรือให้ทำลายกัญชาที่ได้รับมอบจากบุคคล ซึ่งไม่ต้องรับโทษ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการครอบครองยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา สำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาโรคเฉพาะตัว ก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การแจ้งการมีไว้ในครอบครองกัญชา สำหรับผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 26/5 และบุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ป่วยตามมาตรา 22 (2) ก่อน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2562

เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงานว่า นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าหลังมีการประกาศกฎหมายนิรโทษผู้ครอบครองกัญชา 3 กลุ่มแล้ว มีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ก.พ. 2562 ซึ่งถือเป็นวันแรกที่เปิดให้ผู้ที่ครอบครองกัญชาทั้ง 3 กลุ่มสามารถเดินทางมาแจ้งการครอบครองได้เลย โดยในส่วนของกรุงเทพมหานคร มาแจ้งได้ ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ส่วนพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถแจ้งได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั่วประเทศ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วน 1556 กด 3 ในวันและเวลาราชการซึ่งให้บริการตอบข้อซักถามในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกัญชาโดยตรง

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 สำนักข่าวไทย รายงานว่าว่านพ.ธเรศ กรัยษัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษนัดแรกที่มีการเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการใหม่ 8 คน ว่า ในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการยาเสพติดให้โทษ ฯ ได้พิจารณา ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการครอบครองกัญชา ไม่ต้องรับโทษ หรือ นิรโทษ 3 ฉบับ และนำผลการรับฟังความคิดเห็นเมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2562 ที่ประชุมมีมิตเห็นชอบ และเตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ลงนาม จากนั้นประกาศในราชกิจจานุเษก คาดว่ามีผลบังคับใช้ภายในสัปดาห์หน้า โดยประชาชนที่ครองครอบกัญชาสามารถมาลงทะเบียน เพื่อรับสิทธินิรโทษไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ได้ที่ภาคกลางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และต่างจังหวัดที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ โดยประกาศทั้งนี้ 3 ฉบับ ครอบคลุมผู้ครอบครองใน 3 กลุ่ม 1.แพทย์ นักวิจัย วิสาหกิจชุมชน 2.ผู้ป่วย และ 3.กลุ่มอื่นๆ

ส่วนเนื้อหาสำคัญของการปรับแก้ไขเพิ่มเติมในประกาศฉบับนี้ ในส่วนของของผู้ป่วยจากเดิมกำหนดแค่เรื่องยาที่ปรุงบรรจุเสร็จ อาจเป็นในรูปของน้ำมันสารสกัด แต่ปัจจุบันเพิ่มไปถึง ใบ ดอก ของกัญชา แต่ต้องเป็นการสำแดงว่าใช้เฉพาะบุคคลเท่านั้น ขณะเดียวกันที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องตำรับยาแผนไทยที่มีส่วนผสมของกัญชา 16 ตำรับด้วย โดยต่อไปผู้ปรุงยาแผนไทย สามารถปรุงได้ใน 16 ตำรับนี้ แต่ผู้ปรุงยา ต้องเป็นผู้ได้รับการอนุญาตจากกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ซึ่งปัจจุบันมีหมอพื้นบ้านที่ผ่านการรับรอง 3,000 คน แต่ ทั้งหมดต้องมาผ่านการอบรมหลักสูตรจากรมการแพทย์อีกครั้ง หากต้องการใช้กัญชารักษาโรคเช่นเดียวกับแพทย์แผนปัจจุบันที่ต้องรับการอบรมด้วย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: