อย.แจงร่างกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตโฆษณากัญชาออกมาเพื่อรองรับการให้ข้อมูลทางวิชาการกับบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากขณะนี้ใกล้ได้ยากัญชาที่ผลิตโดยผู้ผลิตในประเทศแล้ว พร้อมย้ำยังไม่มียากัญชาจากต่างชาติได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยจึงไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มผู้ค้าใดแน่นอน ที่มาภาพประกอบ: Newshub
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2562 ว่านพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่าตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการของร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา พ.ศ. .... สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอชี้แจงเจตนารมณ์ของการออกกฎหมายดังกล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้ อย. ได้สนับสนุนให้หน่วยงานที่มีศักยภาพในการผลิตสารสกัดกัญชาให้เร่งดำเนินการ โดยมีผู้ได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร
รวมทั้งยังมีผู้ได้รับอนุญาตให้ผลิตยากัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์หรือเพื่อศึกษาวิจัยอีก 5 ราย ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รพ.พระอาจารย์ฝั้น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยนเรศวร
ซึ่งผู้รับอนุญาตดังกล่าว อยู่ระหว่างการดำเนินการตามที่ได้รับอนุญาตและจะได้ผลผลิตยากัญชาที่มีคุณภาพมาตรฐาน และมีความปลอดภัยในการนำมาใช้บำบัดรักษาโรคแก่ผู้ป่วยภายในประเทศ ในเร็วๆ นี้ ดังนั้น ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจึงออกมาเพื่อรองรับกรณีการให้ข้อมูลทางวิชาการของยากัญชาที่ผลิตในประเทศ แก่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ใช้ในการพิจารณาสั่งใช้ยาอย่างเหมาะสม เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย
สำหรับกฎกระทรวงฉบับนี้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า การโฆษณาให้ข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับกัญชาต้องได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา โดยให้โฆษณาได้เพียง 2 กรณี คือ (1) การโฆษณาในลักษณะของการให้ข้อมูลทางวิชาการต่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ สัตวแพทย์ เภสัชกร แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้าน หรือ(2) การทำเป็นเอกสารในลักษณะของการเลียนแบบฉลากหรือเอกสารกำกับยาที่ภาชนะบรรจุกัญชา ซึ่งการโฆษณารูปแบบเฉพาะดังกล่าว ไม่ได้เปิดให้มีการโฆษณาในทางการค้าต่อประชาชนหรือสังคมทั่วไปแต่อย่างใด
นพ.ธเรศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ไม่มีผลิตภัณฑ์ยากัญชาจากต่างประเทศได้ขึ้นทะเบียนตำรับในประเทศไทยจึงไม่มีประเด็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัทยาต่างชาติอย่างแน่นอนและขอฝากถึงผู้จะใช้กัญชาในการรักษาโรคขอให้เข้ารับการตรวจพิจารณาความเหมาะสมจากแพทย์ที่ผ่านการอบรมการใช้ยากัญชาจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจะได้รับทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจใช้ยากัญชาอย่างถูกต้อง อย่าหลงเชื่อการโฆษณาจากสื่อใด ๆ เพราะอาจได้รับอันตรายจากการใช้ยากัญชาอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งมีข่าวปรากฏให้เห็นแล้วหลายราย
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ