ผู้แทนจากสหประชาชาติเผยหลังการเดินทางเยี่ยมค่ายในเมืองคอกซ์บาซาร์เป็นครั้งที่ 2 เพื่อจะโน้มน้าวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาให้เริ่มกระบวนการส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศ หลังจากในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาาวโรฮิงญาปฏิเสธข้อเสนอที่จะเดินทางกลับ ว่าเป็นอีกครั้งที่ชาวโรฮิงญาปฏิเสธที่จะกลับพม่าเว้นแต่พวกเขาจะได้รับการยอมรับว่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศบ้านเกิด โดยแกนนำชาวโรฮิงญากล่าวกับเจ้าหน้าที่พม่าที่เดินทางเยี่ยมค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศวันนี้

"เราบอกพวกเขาว่าเราจะไม่กลับจนกว่าเราจะได้รับการยอมรับว่าเป็นโรฮิงญาในพม่า จะไม่กลับพม่าจนกว่าข้อเรียกร้องเรื่องความยุติธรรม การปกป้องคุ้มครองระหว่างประเทศ และความสามารถที่จะกลับไปยังหมู่บ้านและที่ดินดั้งเดิมของพวกเขาได้รับการตอบสนอง เราต้องการสิทธิในการเป็นพลเมือง เราต้องการสิทธิของเราทั้งหมด เราไม่ไว้ใจพวกเขา เราจะกลับก็ต่อเมื่อได้รับการคุ้มครองระหว่างประเทศ เราจะกลับไปยังที่ดินของเรา เราไม่ต้องการใช้ชีวิตในค่าย” นาย Dil Mohammed กล่าวกับคณะผู้แทนสหประชาชาติ

ที่ผ่านมาการปราบปรามของทหารพม่าที่ตอบโต้การโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบในปี 2560 ได้ขับไล่ชาวโรฮิงญาราว 730,000 คน ต้องอพยพหลบหนีไปยังเมืองคอกซ์บาซาร์ ของบังกลาเทศ ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ในค่ายพักที่มีสภาพแออัด และหวาดกลัวว่าจะถูกกดขี่ข่มเหงอีกหากพวกเขาเดินทางกลับพม่า ขณะที่คณะผู้แทนสหประชาชาติต่างก็กังวลกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะแม้มีความพร้อมที่จะเริ่มส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับว่าพม่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อให้โรฮิงญาเดินทางกลับไปบ้านเกิดได้เมื่อไหร่

ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Frontier Myanmar, 29/07/2019