เอกชนเปิดโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาพังงา-ภูเก็ต คาดปี 2562 นี้ผลิต 24,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากกำลังการผลิตสูงสุด 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หลังได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2562 ว่าบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด (หรือ GS) บริษัทร่วมทุน บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) (หรือ BKD) เปิดโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาพังงา-ภูเก็ต คาดปีนี้ผลิต 24,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากกำลังการผลิตสูงสุด 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โครงการดังกล่าวได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ต.ไม้ขาว และ ต.สาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในนาม บริษัท ไฮโดรเอ็นเตอร์ไพร์ส แอนด์ อะควอดีซายน์ จำกัด หรือ HYDRO (บริษัทลูกของบริษัทโกลด์ชอร์ส ถือหุ้น สัดส่วน 99.99%) รวมระยะเวลา 30 ปี โดยมีแหล่งน้ำดิบมาจากขุมเหมืองเก่าเนื้อที่ประมาณ 340 ไร่ ตั้งอยู่ที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา
นายสุวิชา พานิชผล กรรมการบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด เปิดเผยว่าโครงการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาดังกล่าว มีกำลังการผลิตสูงสุด 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แบ่งเป็น 4 เฟส โดยเฟสแรกมีขนาดกำลังการผลิตเท่ากับ 24,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเพิ่มขึ้นจนครบ 4 เฟส ซึ่งจะสามารถผลิตและจำหน่ายได้ครบทุกเฟส ภายในปี 2564 โดยกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ ธุรกิจท่องเที่ยว อุตสาหกรรมและรัฐวิสหกิจ ขณะที่กลุ่มลูกค้ารอง คือ กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและอื่นๆ
“ปัญหาการขาดแคลนน้ำในภูเก็ตเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับประชาชนในภาคธุรกิจ จึงได้จัดหาที่ดินเพื่อดำเนินการพัฒนาเป็นแหล่งเก็บน้ำที่มีศักยภาพ เพื่อเก็บกักน้ำดิบเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการผลิตน้ำประปาส่งให้กับชุมชนที่อยู่อาศัยและพื้นที่ธุรกิจในจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ตรองรับการขยายตัวของเมืองในระยะยาว รองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศที่มีกว่าปีละ 10 ล้านคน” นายสุวิชา กล่าว
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เดค-คอน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าบริษัทถือหุ้นสัดส่วน 40% ในบริษัท โกลด์ ชอร์ส จำกัด โดยบริษัทใช้งบลงทุนในครั้งนี้ราว 600 ล้านบาท ตามประมาณการของโครงการในปีแรกคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจน้ำประปาประมาณ 40 ล้านบาท ตามสัดส่วนการถือหุ้นและหากเดินกำลังการผลิตสูงสุดที่ 96,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน บริษัทจะมีรายได้ปีละ 130 ล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามแผนคาดว่าจะคุ้มทุนภายใน 7 ปี
“การเข้าไปลงทุนในธุรกิจน้ำประปาเพราะบริษัทมองว่าธุรกิจสาธารณูปโภค เป็นธุรกิจที่เติบโตแบบยั่งยืน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากที่ปัจจุบันบริษัทมีรายได้หลักจากการรับตกแต่งภายในทั้งในและต่างประเทศ” นางนุชนารถกล่าว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ