จากการแถลงของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ณ โรสการ์เด้น เออร์เนสต์ โคเวอร์สัน ผู้จัดการรณรงค์ยุติความรุนแรงจากอาวุธปืน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐอเมริกา ระบุว่า "ความรุนแรงที่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนผิวดำที่เกิดจากการกระทำโดยตำรวจ เรื่องน่าอับอายที่แท้จริงคือการเหยียดสีผิวภายใต้การปกครองของทรัมป์ เพราะประธานาธิบดีได้ให้สัญญากับประเทศชาติว่าจะปกป้องประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนที่เขาเห็นว่ามีคุณค่า" | ที่มาภาพ: Alex Wong/Getty Images (อ้างใน Amnesty International)
2 มิ.ย. 2563 จากการแถลงของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2563 ณ โรสการ์เด้น เออร์เนสต์ โคเวอร์สัน ผู้จัดการรณรงค์ยุติความรุนแรงจากอาวุธปืน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า
“ความรุนแรงที่ไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป คือความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับชีวิตของคนผิวดำที่เกิดจากการกระทำโดยตำรวจ เรื่องน่าอับอายที่แท้จริงคือการเหยียดสีผิวภายใต้การปกครองของทรัมป์ เพราะประธานาธิบดีได้ให้สัญญากับประเทศชาติว่าจะปกป้องประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่แค่คนที่เขาเห็นว่ามีคุณค่า
“เวลาแห่งความยุติธรรมได้ผ่านไปแล้วสำหรับ จอร์จ ฟลอยด์ ลูกของเขา และคนที่เขารัก ความยุติธรรมถูกพรากไปในวันที่เขาถูกสังหาร แต่สิ่งที่ยังคงต้องเหลืออยู่ก็คือความรับผิดชอบ - และความรับผิดชอบได้หายไปจากการบริหารที่ก่อให้เกิดไฟแห่งความเกลียดชัง"
“ผู้คนโกรธ ผู้คนหมดเรี่ยวแรง พวกเขามีสิทธิที่จะชุมนุมประท้วงอย่างสงบ - ทุกคนล้วนมีสิทธินั้น สิทธิที่จะลงไปอยู่บนท้องถนนและเรียกร้องความยุติธรรม และการปฏิรูปอย่างรอบด้านของตำรวจจะต้องไม่ยุติลง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม"
"ตำรวจต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการคุกคามชุมชนของเราอีกต่อไป กฎหมายมีไว้เพื่อประชาชนทุกคน แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะถูกบังคับใช้สำหรับบางคนเท่านั้น ชีวิตคนผิวดำมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็น คนข้ามเพศ ผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย และผู้แสวงหาที่ลี้ภัย ทั้งหมดล้วนมีความหมาย การใช้กำลังทหารเพื่อตอบสนองต่อการปฏิวัติอย่างสันตินั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่รัฐบาลได้ดำเนินการ แต่สิ่งที่ขาดไปคือความพยายามในทางกฎหมาย ที่จะเปลี่ยนระบบที่ไม่ยุติธรรมสำหรับคนผิวดำและยังกดขี่พวกเขาโดยตรง"
“ระบบตำรวจของสหรัฐอเมริกาได้รับความเสียหาย และจำเป็นต้องมีการปฏิรูปอย่างเป็นระบบเพื่อขจัดแนวคิดเหยียดเชื้อชาติ และต้องเปลี่ยนแนวทางการบังคับใช้กฎหมายและสิทธิมนุษยชนอย่างถอนรากถอนโคน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐอเมริกา เรียกร้องให้มีการปฏิรูปหลายประการ รวมถึงกฎหมาย PEACE Act เพื่อจำกัดการใช้กำลังจนถึงแก่ความตายซึ่งควรใช้เป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น เมื่อมีการปฏิรูปเกิดขึ้น มันจึงจะส่งผลต่อชีวิตของของผิวดำ ว่าชีวิตของพวกเขามีความสำคัญ และชุมชนคนผิวดำของเราสามารถมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย ได้รับความยุติธรรม และมีเสรีภาพ"
ข้อมูลพื้นฐาน
ท่านสามารถศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยและแถลงการณ์เพิ่มเติมของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหรัฐฯ ในประเด็นเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน สิทธิในการประท้วง และความคืบหน้าของเหตุการณ์ในกรุงมินนีแอโพลิสได้จากแหล่งข้อมูลด้านล่าง
- รายงานย่อ: Good Practice for Law Enforcement Officials Policing Demonstrations (การปฏิบัติที่ดีของเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายในการควบคุมผู้ประท้วง)
- รายงาน: Deadly Force: Police Use of Lethal Force in the United States (การใช้กำลังถึงตาย: การใช้กำลังถึงขั้นเสียชีวิตของตำรวจในสหรัฐฯ)
- แถลงการณ์: Minneapolis Police Officer Must be Held Accountable for Use of Deadly Force (ตำรวจที่มินนีแอโพลิสต้องได้รับโทษจากการใช้กำลังถึงขั้นชีวิต)
- รายงาน: On the Streets of America: Human Rights Abuses in Ferguson (เหตุเกิดตามท้องถนนในอเมริกา: การปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชนที่เมืองเฟอร์กูสัน)
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ