เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 ครม. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 11,500 ล้านบาท และ วงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ประจำงบประมาณ 2564 | ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 11,500 ล้านบาท และ วงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800 ล้านบาท เป็นวงเงินกู้เบิกเกินบัญชี ประจำงบประมาณ 2564

เนื่องจาก รฟท.มีภารกิจให้บริการการขนส่งเชิงสังคม รวมถึงการควบคุมราคาค่าบริการเพื่อลดภาระค่าครองชีพในการเดินทางของประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ทำให้ รฟท.ประสบปัญหาการขาดทุนจากการดำเนินงาน และส่งผลต่อกระแสเงินสดรับที่ไม่เพียงพอกับกระแสเงินสดจ่าย จึงจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในการดำเนินงาน และไม่ให้เกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง จนไม่สามารถปฏิบัติงานและให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ครม.จึงอนุมัติให้ รฟท.กู้เงินวงเงินไม่เกิน 11,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ เนื่องจาก รฟท.มีการลงทุนตามภารกิจหลักเพื่อบำรุงรักษาทาง และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการรถไฟจึงมีการจัดซื้อจัดจ้าง และมีภาระที่จะต้องชำระเงินค่างานตามสัญญาที่ได้ผูกพัน ตลอดจนเพื่อลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องหากจัดหาเงินสดได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการในการจ่ายจนอาจะก่อให้เกิดผลเสียหายได้ รฟท.จึงจำเป็นต้องมีวงเงินกู้ระยะสั้น หรือ วงเงินกู้เบิกเกินบัญชีไว้เป็นแหล่งเงินสำรองเพื่อรองรับกรณีขาดสภาพคล่อง ครม.จึงเห็นชอบให้ รฟท.กู้เงินระยะสั้น วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี 800 ล้านบาท โดยเห็นควรให้ รฟท.คัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้น เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยของตลาด

นอกจากนี้ การค้ำประกันเงินกู้เนื่องจาก รฟท.มีผลประกอบการขาดทุนมาตลอด หากกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน อาจทำให้ไม่มีสถาบันการเงินให้ความสนใจในการให้ รฟท.กู้เงิน ซึ่งอาจส่งผลให้ รฟท.ไม่สามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ได้ ดังนั้นจึงมีการค้ำประกันการกู้เงินครั้งนี้โดยกระทรวงการคลัง

นอกเหนือจากนี้ ให้ รฟท.ดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ โดยให้กระทรวงคมนาคม ในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดดำเนิการการแก้ไขปัญหาองค์กรให้เห็นผลเป็นรูปธรรมตามแผนที่กำหนดไว้โดยเร็ว