จับตา: เปิดร่าง พ.ร.บ. แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ ฉบับใหม่ ป้องกันหยุดงานประท้วงกระทบประชาชน

กองบรรณาธิการ TCIJ 3 ต.ค. 2563 | อ่านแล้ว 5777 ครั้ง


ครม. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ก่อนส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ กำหนดให้การปิดงานหรือการนัดหยุดงานในงานที่เป็นบริการสาธารณะ ฝ่ายที่ปิดงานหรือนัดหยุดงานต้องจัดให้มีบริการขั้นต่ำเท่าที่จำเป็น กำหนดงานที่เป็นบริการสาธารณะ ได้แก่ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์หรือโทรคมนาคม บรรเทาสาธารณภัย ควบคุมการจราจรทางอากาศ และกิจการอื่นตามที่ประกาศกำหนด

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2563 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ หลังจากนี้ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมาย และส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาออกเป็นกฎหมายบังคับใช้ต่อไป

สำหรับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เนื่องจากมีการบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2543 มีบทบัญญัติบางเรื่องไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน การปรับปรุงครั้งนี้สาระสำคัญอยู่ที่ข้อพิพาทแรงงาน การห้ามปิดงาน หรือ การนัดหยุดงาน การกำหนดหลักเกณฑ์และการจัดตั้งบริหารงานของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์

สาระสำคัญของการแก้กฎหมายข้อแรก ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างงาน คือ ให้สภาพการจ้างงานที่ทำโดยนายจ้างกับสหภาพแรงงาน ซึ่งมีลูกจ้างเป็นสมาชิกเกินกว่า 2 ใน 3 ของลูกจ้างทั้งหมด มีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างทุกคน

ข้อที่สอง การระงับข้อพิพาทแรง ในกรณีที่มีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ กำหนดให้ทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงให้คณะประนอมข้อพิพาทแรงงานดำเนินการข้อพิพาทนั้นต่อไป หรือ จะนำไปตกลงเจรจากันเอง หรือ จะส่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทแรงงาน เป็นผู้ตัดสินก็ได้

เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ….

                   คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ  และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงาน ก.พ.ร. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ

                   ทั้งนี้ รง. เสนอว่า 

  1. โดยที่พระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ได้มีการใช้บังคับมาเป็นเวลานาน และมีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ได้แก่ การกำหนดขั้นตอนการเจรจาและการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทแรงงานที่ขาดความยืดหยุ่นและไม่สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมการแก้ไขข้อขัดแย้งและการยุติข้อพิพาทแรงงานด้วยระบบทวิภาคี การกำหนดให้มีการจดทะเบียนองค์กรฝ่ายนายจ้างและองค์กรฝ่ายลูกจ้าง และการจำกัดสิทธิการปิดงานหรือนัดหยุดงานขององค์กรฝ่ายนายจ้างและองค์กรฝ่ายลูกจ้าง และการจำกัดสิทธิการรวมตัวจัดตั้งองค์กรของฝ่ายลูกจ้างที่กำหนดให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งมีสหภาพแรงงานได้เพียงสหภาพแรงงานเดียว อันมีลักษณะเป็นการควบคุมจากภาครัฐซึ่งไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 เกี่ยวกับวิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน การห้ามปิดงานหรือการนัดหยุดงาน หลักเกณฑ์การจัดตั้งและการดำเนินงานของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจและสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นการส่งเสริมเสรีภาพในการรวมตัวเพื่อจัดตั้งและดำเนินกิจการขององค์กรดังกล่าวให้สอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานระหว่างประเทศ ตลอดจนปรับปรุงอัตราโทษให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในรัฐวิสาหกิจให้มีการเจราจายุติข้อพิพาทในระดับทวิภาคี ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน คุ้มครองการดำเนินการของลูกจ้างที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัวกันจัดตั้งสหภาพแรงงาน และพัฒนากฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและหลักสากล รง. จึงได้ยกร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ขึ้น  
  2. รง. ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้โดยจัดสัมมนาไตรภาคี เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2560 รับฟังความคิดเห็นโดยส่งแบบแสดงความคิดเห็นให้กระทรวงต่าง ๆ ที่กำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ จำนวน 15 กระทรวง และให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 47 แห่ง และรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (www.labour.go.th) ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่                  31 กรกฎาคม 2562 และ รง. ได้จัดทำสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย พร้อมทั้งได้เปิดเผยเอกสารดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (www.labour.go.th)  และได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2562  (เรื่อง การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562) ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 แล้ว 

จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. …. มาเพื่อดำเนินการ

          สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ 

                   ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้เป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 โดยมีสาระสำคัญที่ต่างไปจากเดิม ดังนี้

  1. ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง   

                             สาระสำคัญ

                             - กำหนดระยะเวลาในการยื่นข้อเรียกร้องให้มีการกำหนดข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างหรือการแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โดยกำหนดให้ยื่นภายในระยะเวลา 60 วัน ก่อนวันที่ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเดิมจะสิ้นสุดลง   

                             - กำหนดให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่กระทำโดยนายจ้างกับสหภาพแรงงานซึ่งมีลูกจ้างเป็นสมาชิกเกินกว่าสองในสามของลูกจ้างทั้งหมด มีผลผูกพันนายจ้างและลูกจ้างทุกคน  

                             - กำหนดให้นายจ้างนำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมาแจ้งต่ออธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย  

  1. วิธีระงับข้อพิพาทแรงงาน 

                              สาระสำคัญ  

                             กำหนดให้ในกรณีที่มีข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ ทั้งสองฝ่ายอาจตกลงกันให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานดำเนินการประนอมข้อพิพาทแรงงานต่อไป หรือนำข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้นั้นไปเจรจาตกลงกันเอง หรือส่งข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทแรงงานเพื่อชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงกันไม่ได้  

  1. การปิดงานและการนัดหยุดงาน  

                             สาระสำคัญ

                             - กำหนดให้นายจ้างอาจปิดงานหรือลูกจ้างอาจนัดหยุดงานได้โดยนายจ้างที่ประสงค์จะปิดงานหรือลูกจ้างที่ประสงค์จะนัดหยุดงานต้องแจ้งเป็นหนังสือให้พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานและอีกฝ่ายทราบล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนการปิดงานหรือนัดหยุดงาน   

                             - กำหนดให้การปิดงานหรือการนัดหยุดงานในงานที่เป็นบริการสาธารณะ ฝ่ายที่ปิดงานหรือนัดหยุดงานต้องจัดให้มีบริการขั้นต่ำเท่าที่จำเป็น  

                             - กำหนดงานที่เป็นบริการสาธารณะ ได้แก่ โรงพยาบาลหรือสถานพยาบาล ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์หรือโทรคมนาคม บรรเทาสาธารณภัย ควบคุมการจราจรทางอากาศ และกิจการอื่นตามที่ประกาศกำหนด  

  1. คณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทแรงงาน 

                             สาระสำคัญ 

                             - กำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยการกระทำอันไม่เป็นธรรมและข้อพิพาทแรงงาน ประกอบด้วยอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นประธานกรรมการ และให้ผู้อำนวยการสำนักแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นกรรมการและเลขานุการ   

                             - กำหนดให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ในการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้  

  1. สหภาพแรงงาน 

                             สาระสำคัญ 

                             - กำหนดให้รัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งสามารถมีสหภาพแรงงานได้มากกว่าหนึ่งสหภาพแรงงาน   

                             - อนุญาตให้ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่เป็นฝ่ายบริหารสามารถจัดตั้งสหภาพแรงงานได้ 

                             - กำหนดให้สหภาพแรงงานตั้งแต่สองสหภาพแรงงานขึ้นไปสามารถรวมกันจัดตั้งเป็นสหพันธ์แรงงานได้  

                             - กำหนดให้สหภาพแรงงานหรือสหพันธ์แรงงานไม่น้อยกว่า 10 แห่งสามารถจัดตั้งเป็นสภาองค์การแรงงาน  

  1. อัตราโทษ

                             สาระสำคัญ  

                             ปรับอัตราโทษของความผิดในพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: