งานวิจัยชี้ 'เยาวชนพาร์ทไทม์' เสี่ยงอันตราย หากทำงานไม่เหมาะสม

กองบรรณาธิการ TCIJ 5 ส.ค. 2563 | อ่านแล้ว 2460 ครั้ง

งานวิจัยชี้ 'เยาวชนพาร์ทไทม์' เสี่ยงอันตราย หากทำงานไม่เหมาะสม

งานวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยมนุษยปัจจัยทางวิศวกรรมและการยศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ชี้เยาวชนพาร์ทไทม์ เสี่ยงอันตราย หากทำงานไม่เหมาะสม ชี้ผู้เกี่ยวข้อง ควรยึดหลัก Human Engineering Design | ที่มาภาพประกอบ: Dezeen

เมื่อปลายเดือน ก.ค. 2563 เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ (อ้างใน Newswit) รายงานว่า ผศ.นริศ เจริญพร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TSE) ทีมวิจัยจากห้องปฏิบัติการวิจัยมนุษยปัจจัยทางวิศวกรรมและการยศาสตร์ และที่ปรึกษาสมาคมการยศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า “เยาวชนทำงานพาร์ทไทม์” อาจมีความเสี่ยงสูงต่ออาการบาดเจ็บสะสมบริเวณกล้ามเนื้อ ซึ่งปัจจุบันพบมากในประชากรกลุ่มวัยทำงานทั่วไป เนื่องจากการทำงานที่หนักเกินกว่าความสามารถทางร่างกายในรูปแบบเดิมอย่างต่อเนื่อง และเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในกิจการการขายปลีกน้ำมัน กิจการการบริหารด้านอาหารและเครื่องดื่ม กิจการก่อสร้าง กิจการงานบริการโรงแรม อีกทั้งปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมอย่าง “อุณหภูมิ” และ “ภาวะงาน” (Work load) รวมถึงช่วงเวลาการทำงานกลางคืน ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและพัฒนาการของเยาวชนได้ และผลกระทบอาจจะรุนแรงขึ้นหากสถานการณ์ในการทำงานเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงหลายด้าน เช่น การสัมผัสสารเคมี อันตรายจากสารไวไฟ การยกหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของน้ำหนักมาก การขับขี่จักรยานยนต์ขนส่ง การทำงานในที่สูง การทำงานในเวลากลางคืน หรือแม้กระทั่งการสัมผัสความร้อนที่สูงเกินขีดจำกัดความสามารถของร่างกาย

ดังนั้น การออกแบบเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งานตามหลักวิศวกรรม (Human Engineering Design) จึงเป็นหลักคิดสำคัญที่วิศวกรหรือนักออกแบบทุกคน ควรให้ความสำคัญกับงานออกแบบทุกชิ้น ก่อนนำไปใช้ในการทำงานของกระบวนการผลิตจริง เพื่อลดความเสี่ยงต่ออันตรายและจากการบาดเจ็บสะสม พร้อมอำนวยความสะดวกตลอดการใช้งานให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

ทีมวิจัย ได้ชี้ให้เห็นตัวอย่างผลการจำลองสถานการณ์ในห้องปฎิบัติการมนุษยปัจจัยและการยศาสตร์ (human factors in engineering and ergonomics) ที่สามารถควบคุมสภาพอุณหภูมิได้ ซึ่งใช้ในการศึกษาเรื่อง “สภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน เพื่อหาขีดจำกัดและคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับเด็ก ผ่านกลุ่มตัวอย่างทั้งเพศชายและหญิง ในช่วงวัย 15 – 17 ปี จำนวน 30 คน ด้วยการทดสอบสมรรถภาพร่างกายจากการปั่นจักรยาน ภายใต้ 3 เงื่อนไข ดังนี้ อุณหภูมิ ในระดับ 28 30 และ 32 องศาเซลเซียส (WBGT) ภาระงาน ในลักษณะงานเบามาก งานเบา และงานปานกลาง ด้วยจักรยานวัดงาน และ อัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งพบว่า เยาวชนอาจมีความเสี่ยงหากต้องทำงานต่อเนื่องที่สภาพแวดล้อมของอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส และจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากต้องทำงานที่สภาพอุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส

จากผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบว่า กฎหมายความปลอดภัยสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับความร้อน ที่มีอยู่ในปัจจุบันของแรงงานทั่วไปยังไม่เหมาะสม ที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการทำงานเพื่อความปลอดภัยของเยาวชน กล่าวคือ เยาวชนพาร์ทไทม์ จะสามารถทำงานที่ระดับภาระงานเบามากและเบาได้ โดยมีความเสี่ยงต่ำตลอด 8 ชั่วโมง ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิไม่เกิน 28 องศาเซลเซียส และมีภาระงานที่ไม่หนักเกินขีดความสามารถของร่างกาย หากอุณหภูมิสูงถึง 30 หรือ 32 องสาเซลเซียส อาจเป็นอันตรายต่อเยาวชนได้หากต้องทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยอาจส่งผลต่ออาการบาดเจ็บทางระบบกระดูก และกล้ามเนื้อและพัฒนาการทางร่างกายของเด็กได้ กรณีเยาวชนต้องยกของหนักในพื้นที่ทำงานอุณหภูมิสูงและรวมถึงการทำงานในช่วงกลางคืน

“ทั้งนี้ ทีมวิจัย ยังได้ยื่นเสนอแนวทางแก้ไขร่วมกับ กรมสวัสดิการและการคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน เพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้านกระบวนการทำงาน และสภาพแวดล้อมในสถานประกอบการ เพื่อคุ้มครองเยาวชนที่ทำงานพาร์ทไทม์ให้มีสุขภาวะที่ดีตลอดการทำงาน และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ผศ. นริศ กล่าว

อย่างไรก็ดี หลักความรู้ด้าน Human Engineering & Design ยังสามารถนำไปปรับใช้วิเคราะห์และเสนอปรับกระบวนการทำงานให้ได้มาตรฐานและความปลอดภัยที่สูงขึ้น ช่วยลดคาวมเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัยและส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต อาทิ การประเมินความเสี่ยงด้านการยศาสตร์ในโรงงานอุตสาหกรรม การเคลื่อนย้ายวัสดุด้วยแรงกาย (Ergonomics Guideline for Manual Handling) การออกแบบสถานีงานทำงานกับเครื่องจักร (design of workstations at machinery) รวมถึงการประยุกต์ใช้สำหรับการออกแบบอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรบผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านร่างกายและผู้สูงวัย ผศ. นริศ กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: