7 มิ.ย. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 8 คน เดินทางกลับจากต่างประเทศพบจากสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,112 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 คน รักษาหายเพิ่ม 1 คน รวมรักษาหายสะสม 2,972 คน ยังรักษาในโรงพยาบาล 82 คน และถือเป็น 13 วันต่อเนื่องที่ไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ ส่วนจีนพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเสี่ยงตาย 4 เท่า
7 มิ.ย. 2563 Thai PBS รายงานว่า พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่าไทยพบติดเชื้อเพิ่ม 8 คน เดินทางกลับจากต่างประเทศ รวมมีผู้ป่วยสะสม 3,112 คน ผู้ป่วยหายกลับบ้าน 2,972 คน รักษาในโรงพยาบาล 82 คน ส่วนผู้เสียชีวิตคงที่ 58 คน
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 8 คนเดินเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State quarantine โดย 5 คนกลับจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อยู่ใน State quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพมหานคร ส่วนอีก 2 คนมาจากประเทศคูเวต เข้ารับการรักษาที่จ.สมุทรปราการ และอีก 1 คนมาจากประเทศอินเดียอยู่โดยเข้ารับการรักษาที่จ.สมุทรปราการ
“ถือเป็นวันที่ 13 ที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศหรือผู้ป่วยเป็นศูนย์ เนื่องจากผู้ป่วยรายใหม่ เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ใน State quarantine”
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ขณะที่สถานการณ์ผู้ป่วย COVID-19 ทั่วโลก พบผู้ป่วยสะสมแล้ว 6,974,721 คน อาการหนัก 53,586 คน รักษาหายแล้ว 3,411,281คน และเสียชีวิตสะสม 402,904 คน สหรัฐฯ ยังมีผู้ป่วยสะสมมากสุด 1,988,544 คน รองลงมาคือบราซิลและรัสเซีย ไทยอยู่อันดับ 81 ของโลก
สถานการณ์การระบาดยังน่าเป็นห่วง WHO เคยประกาศว่าบราซิล จะเป็นศูนย์กลางการระบาดของอเมริกาใต้ มีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 30,000 คน ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนฝั่งเอเชีย พบว่าประเทศอินเดีย ยังมีผู้ป่วยสะสมมากสุด 246,622 คน ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นวันละ 10,000 คน ขึ่นเป็นอันดับ 6 ของโลก ห่างจากสเปน และสหรัฐอาณาจักร คาดขยับขึ้นเป็นอันดับ 5 ของโลกในเร็ว ๆ นี้
จีนพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเสี่ยงตาย 4 เท่า
นอกจากนี้ พญ.พรรณประภา กล่าวอีกว่า สำหรับข่าวสารในต่างประเทศนักวิจัยจีน พบผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง มีความเสี่ยงสูงที่จะเสียชีวิตจากไวรัส COVID-19 มากกว่าถึง 4 เท่า โดยทีมนักวิจัยระหว่างประเทศนำโดยหลี่เฟย และเทาหลิง ของภาควิชาโรคหัวใจที่โรงพยาบาลซีจิง ในซีอาน ประเทศจีน ศึกษาผู้ป้วย COVID-19 จำนวน 2,866 คน ที่ได้รับการรักษาในหวู่ฮัน น้อยกว่า 30% มีความดันโลหิตสูง
“นักวิจัยระบุว่าไม่นานหลังจากที่เริ่มรักษาผู้ป้วย COVID-19 ในดันเดือนก.พ. สังเกตว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ปวยที่เสียชีวิตมีความตันโลหิตสูงทีมวิจัยพบว่า 4% ชองผู้วย COVID-19 ที่มีความตันโลหิตสูงเสียชีวิต”
เมื่อเทียบกับผู้ที่มีความดันโลหิตปกติ จะเสียชีวิตเพียง 1.1% และ 7.9% ของผู้ป้วยที่หยุดรับยาลดความดันโลหิต ก็เสียชีวิต
ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย ประกาศปิดเมืองเจดดาห์อีกครั้ง เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 15.00-06.00 น.ให้พนักงานปฏิบัติงานที่บ้านหลังพบการระบาดมากขึ้น
“WHO ประกาศ.shประชาชนสามหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ในการลดความเสี่ยงติดเชื้อและแพร่เชื้อโรค โดยยังต้องรักษาสุขอนามัย คือการล้างมือให้ถูกวิธีและการรักษาระยะห่างจากผู้อื่น”
รอ ศบค.สรุปผ่อนปรนระยะ 4
ส่วนประเทศไทย การพิจารณามาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 คือการเปิดสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงสูงเช่นโรงเรียน ผับ บาร์ กองถ่าย เนื่องจากมีคนจำนวนมาก และเป็นสถานที่ปิด ขณะนี้อยู่ระหว่างการ เตรียมมาตรการ ทั้งมาตรการหลักและมาตรการรองรอ ศบค.สรุปอีกครั้ง
ทั้งนี้ พญ.พรรณประภา กล่าวอีกว่าหลังจากพบว่า 13 วันไม่มีการติดเชื้อของคนในประเทศ และหากครบ 14 วันถือว่าปลอดภัยหรือยัง นั้น ตามหลักการระบาดวิทยาระยะฟักตัว COVID-19 คือ 14 วัน และระยะที่มีความเสี่ยงต่ำคือ 28 วัน ดังนั้นหลังครบ 13 วัน ให้ประชาชนยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ