กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ทำสมุดปกขาวยื่นข้อเสนอด้านพลังงานหมุนเวียนให้กระทรวงพลังงาน ระบุ 'แผนพลังงาน' ต้องปลอดการเมือง | ที่มาภาพประกอบ: Inc. Magazine
เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานเมื่อันที่ 2 พ.ย. 2563 สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า การจัดทำสมุดปกขาว เพื่อยื่นข้อเสนอด้านพลังงานหมุนเวียนให้กับสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะข้าราชการการเมือง และกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะข้าราชการประจำ ที่ดูแลและกำหนดนโยบายด้านพลังงานของประเทศ ให้ได้รับทราบเสียงสะท้อนของภาคเอกชนและภาคประชาชน เพราะที่ผ่านมาการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ที่ประกอบด้วย 2 แผนหลัก คือ แผน AEDP และแผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) ทางภาคเอกชนไม่มีส่วนร่วมในการเสนอแก้ไขปรับปรุงแผนดังกล่าว
“เรามองว่า นโยบายพลังงานน่าจะสะท้อนเอกชน ดูว่าเอกชนลงทุนอะไรไปแล้ว ดีหรือไม่ อย่างไร ปรับให้เหมาะสมกับอนาคต และสอดคล้องการลงทุนจริง ซึ่ง AEDP ภาคประชาชน ก็มาจากความพร้อมของธุรกิจเอกชนตัวจริง”
โดยจะเห็นว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา การลงทุนของผู้ประกอบการพลังงานหมุนเวียนที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ประเทศไทยมีการจูงใจให้เอกชนเข้ามาผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ผ่านรูปแบบการให้เงินสนับสนุนส่วนเพิ่มในการรับซื้อไฟฟ้า หรือ Adder และการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง หรือ Feed in Tariff (FiT) ทำให้ปัจจุบันอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน เติบโต 950% มีสมาชิก 170 บริษัท มีทุนจดทะเบียน 150,000 ล้านบาท มียอดขายรวมประมาณ 460,000 ล้านบาท นับว่ามีรายได้เติบโตเป็น 1 เท่าเมื่อเทียบกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA และมีแนวโน้มจะแทรงใน 3-4 ปี
ดังนั้นเสียงสะท้อนของเอกชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ และสิ่งที่เสนอจะเป็นข้อเท็จจริง ซึ่งทุกวันนี้ เอกชนจะต้องเดินหน้าลงทุนตามนโยบายที่รัฐกำหนด เพราะระบบไฟฟ้าเป็นระบบสัมปทาน ข้อเสนอของกลุ่มฯ จึงต้องการให้นโยบายกับระบบสัมปทาน ไม่บิดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมากเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่า พอเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีก็จะทำให้นโยบายพลังงานถูกกระทบ
แม้ว่าประเทศไทยจะมีการร่าง 5 แผนพลังงาน กำกับทิศทางนโยบายระยะยาว 20 ปีไว้ แต่ก็มีการปรับใหม่เกือบทุกปี ตามการเปลี่ยนแปลงการเมือง ดังนั้นเห็นด้วยหากในอนาคตทั้ง 5 แผนพลังงาน คือ แผน PDP,แผน AEDP,แผน EEP, แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan) จะถูกรวบให้เหลือแผนเดียว หรือเป็นแผนพลังงานชาติ
“เรารู้ว่าทุก 5 ปี แผนพลังงานจะมีการปรับใหม่ แต่เอาเข้าจริงเปลี่ยนใหม่เกือบทุกปี ตามการเมืองเปลี่ยน ที่ร่างนโยบายไว้ก็มีไม่มีผล เอกชนต้องมาลุ้นทุกปี ปีนี้จะถึงคิวใคร ลม,โซลาร์,ชีวมวล เพื่อใคร แบบนี้เราก็ไปไม่ถูก เอกชนค่อยข้างสับสน”
ดังนั้น AEDP ภาคประชาชน จะสะท้อนในมุนมองเอกชน เช่น แนวทางส่งเสริมและแก้ไขระเบียบต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วนและยกระดับสิ่งแวดล้อม โดยในวันที่ 4 พ.ย.นี้ กลุ่มฯจะจัดสัมมนาข้อเสนอ AEDP ภาคประชาชน (รอบสาธารณชน) รับฟังความคิดเห็นเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นจะสรุปเป็น “สมุดปกขาว” ยื่นให้กับกระทรวงพลังงาน อย่างเร็ว ภายในเดือน พ.ย. 2563 นี้
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ