กระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์แถลงการณ์แสดงถึงความจำเป็นในการอพยพพลเมืองออกจากอิรักและอิหร่าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานแม่บ้าน และมีจำนวนรวมกันมากกว่า 7,000 คน โดยกองทัพเรือและกองทัพอากาศได้ส่งยานพาหนะเดินทางมุ่งหน้าไปยังอิรักแล้ว ขณะที่รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์ออกคำสั่งด่วนให้สายการบินแห่งชาติของตนเองบินเลี่ยงน่านน้ำอิหร่านซึ่งจะมีผลทันที หลังจากกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (The Islamic Revolutionary Guard Corps, IRGC) ระดมยิงจรวดหลายสิบลูกโจมตีฐานทัพของสหรัฐอเมริกา 2 แห่งในภาคตะวันตกและภาคเหนืออิรัก
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต ส่งคณะผู้แทนพิเศษเดินทางไปยังอิรักและอิหร่าน เพื่อหารือและขอความเชื่อมั่นจากทั้งสองประเทศ ในการการันตีความปลอดภัยให้กับพลเมืองของฟิลิปปินส์ ในกรณีที่สถานการณ์ลุกลามบานปลาย อนึ่ง การที่ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกแรงงานแม่บ้านไปยังตะวันออกกลางเป็นจำนวนมาก ตัดสินใจอพยพพลเมืองออกจากอิรัก มีแนวโน้มกระตุ้นให้อีกหลายประเทศในเอเชียซึ่งมีพลเมืองอยู่ในอิรักปฏิบัติตาม
ด้านสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ ของมาเลเซีย เผยว่า ทางสายการบินจะหลีกเลี่ยงน่านฟ้าประเทศอิหร่าน และไม่ทำการบินในน่านฟ้าของประเทศอิรัก ทั้งเที่ยวบินขาไปและขากลับจากกรุงลอนดอนของอังกฤษ เมืองเจดดาห์ และเมืองเมดินาของซาอุดีอาระเบีย
เช่นเดียวกับคำสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ที่แถลงทันทีหลังจากสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา แถลงการณ์ห้ามให้สายการบินทุกแห่งของสหรัฐฯ บินเหนือน่านฟ้าอิรัก อิหร่าน อ่าวโอมาน และบินเหนือน่านฟ้าระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย หลังจากอิหร่านเปิดปฏิบัติการตอบโต้สหรัฐ ด้วยการยิงขีปนาวุธ 20 ลูกถล่มฐานทัพอากาศสหรัฐทั่วอิรัก
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The Straits Times, 8/1/2020
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: The Star Online, 8/1/2020
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ