เลขานุการ รมว.ศธ. เผยตัวเลขหนี้ครูจากประมาณ 1.384 ล้านล้าน เป็นหนี้กับธนาคารออมสิน ประมาณ 3.9 แสนล้านบาท ธนาคารกรุงไทยประมาณ 6 หมื่นล้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ประมาณ 6 หมื่นล้าน และสหกรณ์ออมทรัพย์ประมาณ 8.74 แสนล้านบาท ชี้สหกรณ์บางแห่งไม่สามารถที่จะลดดอกเบี้ยหรือพักชำระหนี้ให้ครูได้ เนื่องจากสหกรณ์มีภาระที่จะต้องจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิก | ที่มาภาพประกอบ: Mortgage Finance Gazette
เว็บไซต์ไทยโพสต์ รายงานเมื่อต้นเดือน ก.ค. 2563 ว่านายอนุชา บูรพชัยศรี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (เลขานุการ รมว.ศธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้ครู ว่า จากการสำรวจจำนวนเงินกู้ของแต่ละสถาบันทางการเงิน พบว่า ครูเป็นหนี้กับธนาคารออมสิน จำนวน 3.9 แสนล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 6 หมื่นล้าน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ประมาณ 6 หมื่นล้าน และสหกรณ์ออมทรัพย์ 8.74 แสนล้านบาท โดยขณะนี้คณะทำงานของตนได้มีการหารือร่วมกับสถาบันทางการเงินที่เป็นแหล่งเงินกู้หลักของกลุ่มข้าราชการครู ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เพื่อที่จะหาแนวทางให้การช่วยเหลือเรื่องการชำระหนี้ของกลุ่มข้าราชการครู ซึ่งขณะนี้ได้ข้อสรุปร่วมกันแล้ว คาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงเดือนกันยายนนี้
สำหรับในส่วนของกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์นั้น ตนได้มีการหารือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อที่จะประสานงานในการหารือร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู จำนวน 109 แห่ง โดยแบ่งกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มสหกรณ์ที่มีทุนมากกว่าหนี้ 2.กลุ่มสหกรณ์ที่มีหนี้มากกว่าทุน และ 3.กลุ่มที่นอกเหนือจากสหกรณ์จังหวัด โดยจะภายหารือภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อหาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินครู ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดเรื่องการลดดอกเบี้ย การจ่ายเงินต้น การพักชำระหนี้
นายอนุชา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ทางกรมส่งเสริมสหกรณ์เองก็เข้าใจบริบทของการกู้ยืมเงิน และอยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขระเบียบของสหกรณ์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งการที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะเข้าไปดำเนินการในเรื่องใดนั้น ค่อนข้างที่จะทำได้ยากเนื่องจากติดข้อกฎหมายต่างๆ แต่ตนจากที่มีการหารือในเบื้องต้นก็พบว่า สหกรณ์บางแห่งไม่สามารถที่จะลดดอกเบี้ย หรือพักชำระหนี้ได้ เนื่องจากสหกรณ์มีภาระที่จะต้องจ่ายเงินปันผลให้แก่สมาชิก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ศธ.กำลังขับเคลื่อนอยู่ในขณะนี้ คือ การแก้ปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อเป็นต้นแบบในแก้ปัญหาหนี้สินกับกลุ่มอื่นๆในอนาคต
สำหรับกรณีที่ศาลปกครองกลาง พิพากษาเรื่องการหักเงินเดือน เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการครู เพื่อชำระหน้ีเงินกู้ ว่า เงินเดือนสุทธิหลังจากหักชำระหน้ีแล้วต้องเหลือไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 นั้น ศธ.ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองกลางอย่างเคร่งครัด และการดำเนินการ คือ หากต้นสังกัดของครูพบว่า ถ้าหากเงินเพื่อชำระหนี้แล้ว เกิน ร้อยละ 30 หน่วยงานต้นสังกัดจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินที่จะต้องทวงถามการชำระหนี้จากลูกหนี้เอง
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ