12 มิ.ย. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 4 คน พบจากสถานที่เฝ้าระวังที่รัฐจัดให้ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,129 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 58 คน รวมรักษาหายสะสม 2,987 คน ยกเลิกเคอร์ฟิว ตั้งแต่ 15 มิ.ย.นี้
12 มิ.ย. 2563 Thai PBS รายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4 คน อยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐกำหนด สะสม 3,129 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม สะสม 58 คน หายดีแล้ว 2,987 คน รักษาตัวใน รพ. 84 คน
“ผู้ติดเชื้อเพิ่มทั้ง 4 คน เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เป็นหญิงอายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้าน ชายไทยอายุ 37 ปี ชายไทย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานนวด โดยไม่มีอาการ”
ขณะที่คนไทยเดินทางมาจากประเทศอินเดียแล้ว 2,445 คน ติดเชื้อสะสม 14 คน หรือ 5.21 % ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจากสถานที่กักตัวของรัฐทั้งหมด 192 คน จะตรวจพบเชื้อในช่วง 0-2 วัน มากถึง 90 %
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วโลกติดเชื้อสะสม 7.59 ล้านคน เสียชีวิต 4.2 แสนคน โดยสหรัฐอเมริกา ติดเชื้อมากที่สุด 2 ล้านคน เสียชีวิต 1.1 หมื่นคน ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 86 ของโลก
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ข้อคิดเห็นว่า การตรวจกิจการ-กิจกรรมเน้นย้ำว่า ต้องเปิดเผย และมีกิริยามารยาทที่ดี โดยนำคำแนะนำไปปรับปรุง หากไม่ดีขึ้นอาจให้ปิดกิจการ”
รอเลือกประเทศให้เข้าเที่ยว
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า กระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้นำเสนอการเปิดประเทศเพื่อท่องเที่ยวอย่างจำกัด ยกตัวอย่างบางเมืองของประเทศสิงคโปร์และจีน ที่มีระดับการติดเชื้อใกล้เคียงกัน ต้องเลือกเป้าหมายประเทศที่มีความสามารถควบคุมการแพร่ระบาดที่ดี สามารถตรวจเชื้ออย่างเข้มงวดตั้งแต่ต้นทาง ต้องซื้อประกันสุขภาพ เพื่อมั่นใจว่า ก่อนเข้าประเทศต้องไม่มีเชื้อ ทั้งนักธุรกิจและกลุ่มรับบริการการรักษาทางการแพทย์ โดยสามารถติดตามได้ทุกคน ขณะนี้มีการหารือแนวทางอย่างหลากหลาย เช่น เลือกพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวบางแห่ง และต้องมีการดูแลอย่างดี
“การเปิดประเทศเพื่อท่องเที่ยวอย่างจำกัด มีกลุ่มเป้าหมาย เช่น จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ลาว ไต้หวัน ตะวันออกกลางบางประเทศ ซึ่งนายกฯ เห็นชอบในหลักการ แต่ต้องมีคณะกรรมการชุดย่อยศึกษามาตรการต่าง ๆ ไม่ให้นำเชื้อมาติดคนในประเทศ”
มติยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) เริ่มบังคับใช้ 15 มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป แต่ยังคงควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก น้ำ อากาศ
เปิดโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนนอกระบบ สถาบันกวดวิชา หน่วยงานราชการ-กำกับของรัฐ ที่มีการอบรมสัมมนาหลักสูตรต่าง ๆ เปิดโรงเรียนขนาดเล็ก นักเรียนไม่เกิน 120 คน รวมทั้งโรงเรียน ตชด.
ดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารได้-สถานบันเทิงไม่เปิด
เปิดห้องประชุมโรงแรม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่จัดนิทรรศการ โรงมหราพ โรงภาพยนตร์ สถานที่ราชการเพื่อการจัดประชุม อบรม สัมมนา โดยเว้นระยะ 4 ตร.ม.ต่อคน
“จัดงานอีเว้นท์ เปิดตัวสินค้า ประกวด แข่งขันกีฬา ต้องนั่งหรือยืนห่าง 1 เมตร ขณะที่งานแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ต้องมีมาตรการลดความหนาแน่น เว้นระยะ 5 ตร.ม.ต่อคน”
นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า การเปิดขายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภัตตาคาร สวนอาหาร โรงแรม ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มทั่วไป ยกเว้นสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ โดยต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และมีความเป็นระเบียบ
เปิดนวดเพื่อสุขภาพ-แต่อาบอบนวดยังห้าม
นอกจากนี้ยังให้เปิดสถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน สถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก ศูนย์เด็กพิเศษ สถานดูแลผู้สูงอายุ ประเภทรายวัน โดยเด็กเล็กต้องเว้นระยะ 2 ตร.ม.ต่อคน
เพิ่มจำนวนทีมงานรวมทุกแผนกในกองถ่ายทำภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ ไม่เกิน 150 คน ส่วนผู้เข้าชมไม่เกิน 50 คน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ให้อบตัว อบสมุนไพร หรืออบไอน้ำแบบรวมในสถานประกอบกิจการเพื่อสุขภาพ นวดแผนไทย ยกเว้นอาบอบนวด โดยต้องเน้นให้บริการแบบแยกห้องเดี่ยว จำกัดจำนวนผู้ใช้ต่อรอบ เว้นระยะ 5 ตร.ม.ต่อคน
ออกกำลังกายในสวนสาธารณะได้
เปิดให้ออกกำลังกายแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ ลานกิจกรรม ลานกลางแจ้ง รวมไม่เกิน 50 คน เว้นระยะ 5 ตร.ม.ต่อคน, เปิดสวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นเครื่องเล่นที่มีผิวสัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม
“สนามกีฬาหรือสถานที่ออกกำลังกาย ลานเล่นกีฬา สามารถจัดแข่งขันและถ่ายทอดสดได้ แต่ต้องไม่มีผู้เข้าชม และไม่มีกิจกรรมอื่นร่วมด้วย”
เปิดให้บริการตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายและตั้งในห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์
นพ.ทวีศิลป์กล่าวด้วยว่า สำหรับการขนส่งสาธารณะข้ามเขตจังหวัด ผู้โดยสารเครื่องบินนั่งได้เกือบ 100 % แต่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนรถโดยสารเปิดให้นั่งได้ 70 % และต้องลงทะเบียน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ