สื่อด้านพลังงาน 'Energy News Center' เผย ก.พลังงาน เตรียมปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ 'แผน PDP' ใหม่อีกรอบ หลังสิ้นสุดวิกฤต COVID-19 โดยความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดต่ำลง ทำให้ต้องเร่งแก้ปัญหาปริมาณสำรองไฟฟ้าล้นระบบ คาดปี 2563 ทะลุเกินปริมาณสำรอง 40% อาจต้องมีการ shutdown โรงไฟฟ้าของ กฟผ. เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาก | ที่มาภาพประกอบ: Daniel X. O'Neil (CC 2.0)
Energy News Center รายงานเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2563 อ้างแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่าทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้มีการติดตามสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และภาคพลังงานของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายลง คาดว่าจะมีการเสนอให้มีการปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือแผนพีดีพี ใหม่อีกรอบ เนื่องจาก การคาดการณ์แนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้า (Load Forecast ) อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มาก จึงต้องมีการชะลอแผนการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ หรือการซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศออกไป เพื่อไม่ให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศสูงเกินไป ซึ่งในปี 2563 คาดว่าปริมาณสำรองไฟฟ้าจะสูงเกิน 40% แล้ว เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมนั้นลดลง ทั้งนี้ปริมาณสำรองไฟฟ้าที่สูงเกินไปจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนค่าไฟฟ้า ที่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าต้องแบกรับภาระมากขึ้น
แหล่งข่าวกล่าวว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อเดือน ม.ค. 2562 ที่ให้ความเห็นชอบแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับใหม่ หรือ แผน PDP 2018 นั้น ระบุให้มีการทบทวนแผน PDP ทุกๆ 5 ปี ยกเว้นว่าจะมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายของแผนอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งมีความเห็นของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ให้กระทรวงพลังงานบริหารจัดการปริมาณสำรองไฟฟ้าของประเทศในช่วง ปี 2562-2568 เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อภาระต้นทุนค่าไฟฟ้าต่อประชาชนที่มากเกินไป
อย่างไรก็ตามในช่วงต้นปี 2563 กพช.ได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับปรุงแผน PDP โดยเรียกว่า PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ตามข้อเสนอของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ซึ่งมีการเพิ่มเติมการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก รวมตลอดทั้งแผน ประมาณ 1,900 เมกะวัตต์ โดยรับซื้อเพื่อเข้าระบบในปี 2563-2565 จำนวน 700 เมกะวัตต์
แหล่งข่าวกล่าวว่าแผน PDP 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (2562-2580) ใช้สมมติฐานอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ GDP เฉลี่ยทั้งแผน ที่ 3.8% ต่อปี ในการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าโดยเป็นการดำเนินการก่อนวิกฤต COVID-19 ซึ่งเมื่อผลกระทบจาก COVID-19 มีแนวโน้ม ส่งผลให้ทั้ง GDP และการส่งออกในปี 2563 ติดลบและต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะในการฟื้นตัวจึงอาจจะต้องมีการเสนอให้มีการปรับปรุงแผน PDP ใหม่อีกรอบ รวมไปถึงแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติที่ต้องเชื่อมโยงกับแผน PDP ด้วย
ทั้งนี้การเสนอปรับแผน PDP ใหม่อีกรอบ คาดว่าจะไม่กระทบต่อนโยบายการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน และโครงการของเอกชนที่ได้มีการลงนามซื้อขายไฟฟ้าแล้ว
สำหรับการแก้ไขปัญหาปริมาณสำรองไฟฟ้า ที่สูงเกิน 40% ในระยะสั้น ปี 2563-2568 นั้นจะมีการพิจารณา shutdown โรงไฟฟ้าของ กฟผ.โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าเก่าที่มีต้นทุนสูงเป็นหลัก ทั้งนี้การหยุดเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ. อาจจะมีประเด็นที่จะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงการซัพพลายก๊าซของ ปตท. ด้วย ซึ่งต้องมีการพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ที่จะไม่ให้มีปัญหา take or pay ในสัญญาก๊าซที่ ปตท.มีกับคู่ค้า ทั้งในส่วนของก๊าซในอ่าวไทย เมียนมา และก๊าซแอลเอ็นจีที่เป็นสัญญาระยะยาวในปริมาณ 5.2 ล้านตันต่อปี
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ