16 พ.ค. ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,025 คน เสียชีวิตสะสม 56 คน รักษาหายสะสม 2,855 คน

กองบรรณาธิการ TCIJ 16 พ.ค. 2563 | อ่านแล้ว 1514 ครั้ง

16 พ.ค. ไทยไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,025 คน เสียชีวิตสะสม 56 คน รักษาหายสะสม 2,855 คน

16 พ.ค. 2563 ศบค. แถลงไทยไม่พบผู้ติดเชื้อใหม่ รวมผู้ติดเชื้อสะสม 3,025 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมผู้เสียชีวิตสะสม 56 คน รักษาหาย 1 คน รวมรักษาหายสะสม 2,855 คน ชี้เหตุปลดล็อกจีน-เกาหลีใต้ออกจากประเทศเขตโรคติดต่อ เพราะผู้ป่วยหายคุมการระบาดได้แล้ว

16 พ.ค. 2563 Thai PBS รายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่า วันนี้มีข่าวดีว่าไม่มีผู้ป่วย COVID-19 เพิ่ม โดยเป็นตัวเลขศูนย์อีกครั้งในรอบสัปดาห์นี้ รวมตัวเลขสะสม 3,025 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม หายกลับบ้านมากขึ้นรวม 2,798 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล 114 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนพ.ทวีศิลป์ บอกว่าวันนี้ตัวเลขเป็นศูนย์ มีเสียงปรบมือดังลั่น ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นับจากวันวันแรกคือวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมามีตัวเลขผู้ป่วยสูงถึง 188 คน จนกระทั่งเกือบ 2 เดือนนี้ตัวเลขมาแตะหลักเดียว โดยเฉพาะศูนย์คนครั้งแรกเมื่อ 13 พ.ค.ที่ผ่านมาและวันนี้มีศูนย์สองตัว เพราะไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

“ผู้ป่วยศูนย์คนครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์นี้ ต้องขอบคุณคนไทยที่ร่วมมือกัน เพราะต้องร่วมกัน 90-100% ถึงจะชนะ โดยเฉพาะในช่วงที่จะมีการผ่อนปรนระยะที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.)”

"สัมผัสใกล้ชิด" ปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการกระจายของผู้ติดเชื้อพบจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยใน 28 วันที่ผ่านมาอยู่ 18 จังหวัด ส่วนจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยช่วง 28 วันที่่ผ่านมาอยู่ที่ 50 จังหวัด และจังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อนคงที่ 9 จังหวัดคือ จ. กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรี อ่างทอง สตูล

ส่วนปัจจัยเสี่ยง ตั้งแต่สัปดาห์วันที่ 18 เม.ย.ถึงสัปดาห์วันที่ 16 พ.ค.นี้ พบปัจจัยเสี่ยงอันดับ 1 คือ สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 229 คน รองลงมาคือ ศูนย์กักกัน ผู้ต้องกัก 65 คน และการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก และผู้ติดเชื้อในชุมชน 48 คน ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ State Quarantine 40 คน ไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด รวม 29 คนอาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด รวม 28 คน คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ รวม 21 คน บุคลากรด้านสาธารณสุข รวม 13 คน สถานบันเทิง รวม 6 คน สนามมวย รวม 3 คน

ทั่วโลกคุมเข้มมาตรการเชิงรุก

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า ส่วนสถานการณ์โลกพบผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 4,628,356 คน อาการหนัก 45,006 คน รักษาหายแล้ว 1,757,445 คน และเสียชีวิต 308,645 คน โดยสหรัฐอเมริกา ยังมีผู้ป่วยสะสมมากสุด 1,484,285 คน โดยมีผู้ป่วยใหม่วันเดียว 26,692 คน

สถานการณ์ต่างประเทศ กาตาร์ บังคับสวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 1.76 ล้านบาท หลังพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นถึง 1,733 คน ทุบสถิติผู้ป่วยใหม่รายวันสูงสุดนับตั้งแต่มีการระบาดในประเทศกาตาร์

ขณะที่เกาหลีใต้ พบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 จากสถานบันเทิงย่านอิ แทวอนต่อเนื่อง ล่าสุดสะสมเป็น 161 คน ทำให้เกาหลีใต้มีผู้ป่วยสะสมกว่า 11,000 คน ล่าสุด พบผู้ป่วยอีก 5 คน ติดเชื้อจากการไปเที่ยวคาราโอเกะในย่านฮงแด ซึ่งเชื่อมโยงกับเคสอิแทวอนด้วย

ส่วนสถานการณ์คนไทยกลับบ้าน วันนี้จะมีคนไทยมาจากสหรัฐฯ 204 คน และมาจากสหรัฐฯ -เกาหลีใต้ 187 คน ส่วนในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) จะมีคนไทยกลับมาจากมัลดิฟส์ 150 คน จากแคนาดา 80 คน และอินเดีย 80 คน ส่วนเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับไทยนั้น จะทยอยกลับเข้ามาไทยตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.จนถึงวันที่ 23 พ.ค. จำนวน 19 เที่ยวบิน

สถิติคนไทยเดินทางกลับเข้าประเทศผ่านแดนทางบก มาจากเมียนมา 14 คน สปป.ลาว 15 คน มาเลเซีย 273 คน และกัมพูชา 6 คน รวมสะสมเดินทางเข้ามาในวันที่ 15 พ.ค.วันเดียว 308 คน

แจงปลดเกาหลีใต้-จีนออกเขตโรคติดต่อ

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่ากรณีที่มีการถอดจีน และเกาหลีใต้ออกจากประเทศ จากเขตติดโรคติดต่ออันตราย เนื่องจาก 2 ประเทศเป็นชาติแรกที่มีการระบาด และที่ต้องถอดออก เพราะผ่านมาหลายเดือน สถิติลดลง และมีการควบคุมการระบาดได้ดี จนตัวเลขเหลือหลักหน่วย เมื่อเทียบกับประเทศ อื่นๆทั่วโลกทำไมถึงยังไม่ประกาศเขตติดโรค อาจจะไม่ยุติธรรม จึงเอาออก และไม่มีเหตุผลที่ต้องคงค้างไว้ แต่ยังค้องคงอยู่ของบางประเทศ เช่น อิหร่าน มาเลเซีย เมียนมา อิตาลี

ส่วนการนำออกแล้วจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในไทยหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะการกำกับติดตาม ป้องกันไม่ให้เข้าประเทศเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไทยมีมาตรการคัดกรองที่เข้มงวด เมื่อมาไทยยังต้องอยู่ใน State Quarantine 14 วัน

แม้จะปลดชื่อ แต่มาตรการยังคงไว้ ขอให้มั่นใจว่าระบบของไทยยังควบคุมได้อย่างดี ไม่ได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามา”

ทั้งนี้นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงการเตรียมเปิดสถานที่ระยะที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) เช่น ห้างสรรพสินค้า ยังขอให้เน้นสุขอนามัยส่วนบุคคล สวมหน้ากากอนามัย การทำล้างมือบ่อยๆ เว้น ระยะห่างและการทำความสะอาดพื้นผิว ลดการแออัด ซึ่งส่วนตัวเรา และคนที่ประกอบกิจการต้องคิดถึงส่วนรวม

“ขอให้ถือหลักการว่าแยกกันเราอยู่ รวมหมู่เพื่อไปสู่ระยที่ 3 และระยะที่ 4 รออยู่เพราะตอนนี้ เราต้องวัดช่วงระยะที่ 2 ”

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: