เปิดรายละเอียด ครม. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี 2563 ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ งบประมาณ 5,082 ล้านบาท | ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 5,082.7605 ล้านบาทให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี 2563 และให้พิจารณาดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1. ให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด 30 แห่ง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกรุงเทพมหานคร มีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ และเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการดังกล่าวข้างต้น ของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นผู้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามขั้นตอนของระเบียบและแนวทางที่เคยปฏิบัติต่อไป
2. ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด และเร่งรัดการดำเนินการเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนกันยายน 2563 ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ เพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
3. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ รวมถึงสรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
สาระสำคัญของโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำ ในฤดูฝนปี 2563
1. ความเป็นมา
สืบเนื่องจากการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน 2563 ตาม 8 มาตรการเตรียมความพร้อมรองรับน้ำฝน ปี 2563 สำนักงานทรัพยากรน้ำ (สทนช.) พบว่าในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 มีพื้นที่เฝ้าระวังที่อาจเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 32 จังหวัด 140 อำเภอ 366 ตำบล ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่นซินลากู และจะต้องเฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้นในเดือนกันยายน 2563 โดยมีพื้นที่ที่จะต้องเฝ้าระวังในพื้นที่ 54 จังหวัด 317 อำเภอ 1,566 ตำบล จากการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) และยังคงต้องมีการเตรียมการเพื่อรับมือพายุดีเปรสชั่นฮีโกสซึ่งจะพัดเข้าสู่ประเทศไทยในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ประกอบกับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามันทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ดังนั้น เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและทำให้การบริหารจัดการน้ำในฤดูฝน ปี 2563 สามารถดำเนินการได้ตาม 8 มาตรการเตรียมความพร้อมรองรับน้ำฝน ปี 2563 เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที สทนช. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแผนงานเร่งด่วนเพื่อเตรียมการรับมือ แก้ไข และบรรเทาปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝนปี 2563 เพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2563/64 อีกทั้งสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยได้ดำเนินการสำรวจตรวจสอบแผนงาน/โครงการเร่งด่วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว สามารถสรุปแผนงานโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝนปี 2563 ดำเนินการโดย 3 กระทรวง 6 หน่วยงานและจังหวัด 30 แห่ง วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น 5,082.7605 ล้านบาท
2. วัตถุประสงค์
1.1 เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากภัยแล้งและน้ำท่วม
1.2 เพื่อสนับสนุนด้านการเกษตร เช่น เกษตรแปลงใหญ่ และด้านการดำเนินงานของวิสาหกิจชุมชน
1.3 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพ รายได้และการจ้างแรงงานให้กับประชาชน และผู้ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและอุทกภัยในระดับชุมชน
1.4 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
3. พื้นที่ดำเนินการ
พื้นที่ทั้งประเทศ
4. แนวทางการดำเนินการ
1. เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอันเนื่องมาจากภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ และมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการ หากไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและทางราชการ
2. เป็นโครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที โดยให้หน่วยงานที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณจัดทำแบบรูปรายการ และประมาณราคาค่าก่อสร้าง (ปร.4 ปร.5) ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางกำหนด
3. ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่าย งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินการโดยพิจารณาแผนงานโครงการให้สอดคล้องกับเงื่อนไขการขอรับจัดสรร
5. แผนงาน/โครงการที่เห็นควรเสนอขอรับการสนับสนุบงบกลางปี 2563 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สทนช. ได้สรุปโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ 60 จังหวัด ที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการเร่งด่วนในปี 2563 ที่สามารถแก้ไข และบรรเทาปัญหาน้ำท่วม รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำได้อย่างทันท่วงที และแผนงานที่มีสถานะพร้อมดำเนินการได้ทันที จำนวนทั้งสิ้น 9 โครงการ งบประมาณรวม 5,082.7605 ล้านบาท จำแนกตามหน่วยงาน จำนวน 6 หน่วยงานและจังหวัด 30 แห่ง ดังนี้
ลำดับ | หน่วยงาน | จำนวน (โครงการ) |
งบประมาณ (บาท) |
รวม | 9 | 5,082.7605 | |
1 | กรมทรัพยากรน้ำบาดาล | 1 | 706.5962 |
2 | กรมทรัพยากรน้ำ | 2 | 1,796.1018 |
3 | กรมชลประทาน | 3 | 1,482.1930 |
4 | กรุงเทพมหานคร | 1 | 340.000 |
5 | กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น | 1 | 23.6007 |
6 | จังหวัด 30 แห่ง | 1 | 734.2688 |
6. ประเภท/ลักษณะงาน
1. ขุดลอกและปรับปรุงแหล่งน้ำเดิม 2. ระบบประปา 3. งามซ่อมแซม/ปรับปรุง 4. ขุดแหล่งเก็บน้ำใหม่ 5. บ่อน้ำบาดาล 6. ฝาย/ฝายชะลอน้ำ 7. ระบบส่งน้ำและระบบกระจายน้ำ 8. ระบบระบายน้ำชุมชน 9. ปรับปรุงสิ่งกีดขวางทางน้ำและกำจัดวัชพืช 10. เครื่องจักร/เครื่องมือ
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ