ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ บริษัทวิจัยจากอังกฤษเปิดเผยว่า ความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกจะร่วงลง 57% ในปี 2563 เนื่องจากมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศและการกักตัวที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของ COVID-19 | ที่มาภาพประกอบ: AARP
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ รายงานเมื่อต้นเดือน ก.ย. 2563 ว่าออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ บริษัทวิจัยจากอังกฤษเปิดเผยว่า ความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกจะร่วงลง 57% ในปี 2563 เนื่องจากมาตรการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศและการกักตัวที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
รายงานระบุว่า ความต้องการท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกจะไม่กลับสู่ระดับปี 2562 จนกว่าจะถึงปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดและความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทั้งเพื่อธุรกิจและพักผ่อน
นอกจากนี้ แม้หลายประเทศจะเริ่มเปิดพรมแดนอีกครั้ง แต่ยังมีความยากลำบากอย่างมากในการหาจุดสมดุลระหว่างการควบคุมโควิด-19 และการฟื้นฟูการท่องเที่ยว
รายงานระบุว่า ทุกภูมิภาคมีแนวโน้มจะมีนักท่องเที่ยวลดลง โดยอเมริกาเหนือจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยคาดว่าจะร่วงหนักถึง 70% ตามด้วยเอเชียแปซิฟิกที่หดตัวลง 57% และยุโรปปรับตัวลดลงที่ 56%
ขณะเดียวกัน เมืองใหญ่จะได้รับผลกระทบมากกว่าพื้นที่ชนบท โดยคาดว่ากรุงเทพมหานครจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 14.5 ล้านคน ซึ่งนับเป็นเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อวัดจากจำนวนทักท่องเที่ยวที่หายไป โดยตัวเลขดังกล่าวเทียบเท่าเกือบ 2 ใน 3 ของการสูญเสียนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยทั้งหมด
ทางด้าน 10 อันดับของเมืองที่คาดว่าจะสูญเสียนักท่องเที่ยวมากสุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นมีแนวโน้มจะเป็นเมืองในสหรัฐทั้งหมด เช่น นิวยอร์ก ซึ่งอาจมีนักท่องเที่ยวลดลงถึง 79%
อย่างไรก็ตาม คาดว่าความต้องการท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นตัวเร็วกว่ามาก โดยจะกลับสู่ระดับของปี 2562 ได้ภายในปี 2565 สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ