เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2563 เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่านายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) เปิดเผยว่า ผลคำวินิจฉัยฉบับเต็มของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กรณีการขออนุญาตรวมธุรกิจ ระหว่าง บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีมติ 4 ต่อ 3 เสียงในการพิจารณาให้ควบรวม
ทั้งนี้ กขค.การรวมธุรกิจดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจที่ขออนุญาตรวมธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่มีอำนาจเหนือตลาดในตลาดร้านค้าปลีกสมัยใหม่สินค้าอุปโภคบริโภคประเภทร้านค้าปลีกขนาดเล็กจะมีอำนาจตลาดเพิ่มมากขึ้น แต่ไม่เป็นการผูกขาด และการรวมธุรกิจดังกล่าวมีความจำเป็นตามควรทางธุรกิจและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการส่งเสริมการประกอบธุรกิจเพิ่มมากขึ้น และอาจส่งผลให้การแข่งขันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์สำคัญอันควรมีควรได้ของผู้บริโภคส่วนรวม
"กรณีที่ ซีพีออลล์ แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าผลการควบรวมเสร็จสมบูรณ์แล้วนั่นน่าจะหมายความว่าสามารถปฏิบัติตาม 7 เงื่อนไข จะไม่มีการอุทธรณ์คำสั่ง กขค. ตามที่ได้กำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ 60 วัน"
"ส่วนกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะฟ้องศาลปกครองนั่น ก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ หากเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสียหายอย่างไร จะมีการฟ้องประเด็นอย่างไรต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง"
วันเดียวกัน (18 ธ.ค.) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อ้างถึงสารสนเทศที่บริษัทได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2563 เกี่ยวกับการลงทุนในบริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (และ Tesco Stores (Malaysia) Sdn. Bhd. (ธุรกรรมการลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชีย) โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนโดยอ้อมผ่านนิติบุคคลเฉพาะกิจที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการลงทุน ได้แก่ บริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัดนั้น ในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 ธุรกรรมการลงทุนในกลุ่มเทสโก้เอเชียได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ