สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยขณะนี้ทีมงาน ชิม ช้อป ใช้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีที่พบทุจริตการใช้จ่ายเงินในกระเป๋า 2 โดยพบว่า มีร้านค้ากว่า 1,000 แห่ง ที่สงสัยว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องชะลอการจ่ายเงินคืนสำหรับยอดซื้อสินค้ากระเป๋าที่ 2 จากร้านค้าดังกล่าวจนกว่าจะมีการตรวจสอบแล้วเสร็จ
เว็บไซต์ TNN รายงานเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563 ว่านายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่าขณะนี้ทีมงานชิมช้อปใช้อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรณีที่พบทุจริตการใช้จ่ายเงินในกระเป๋า 2 โดยพบว่า มีร้านค้ากว่า 1,000 แห่ง ที่สงสัยว่าอาจจะมีการทุจริตเกิดขึ้น ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงต้องชะลอการจ่ายเงินคืนสำหรับยอดซื้อสินค้ากระเป๋าที่ 2 จากร้านค้าดังกล่าวจนกว่าจะมีการตรวจสอบแล้วเสร็จ
ทั้งนี้การทุจริตดังกล่าวจะดำเนินการในลักษณะร้านค้าโอนเงินไปให้คนซื้อ เพื่อมาซื้อสินค้าในร้าน ซึ่งหากซื้อสินค้า 5 หมื่นบาท จะได้รับเงินคืนจากภาครัฐ 8,500 บาท และมีข้อตกลงกันว่าเงินที่รับคืนจากรัฐนั้น จะต้องนำมาแบ่งกันเป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบยอดการใช้จ่ายผิดปกติของร้านค้าบางแห่ง โดยมีการซื้อสินค้าสูงผิดปกติซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบว่ามีการทุจริตหรือไม่
หลังจากระบบตรวจสอบพบการทุจริต เราก็จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบซ้ำอีกรอบ ถ้าพบว่าร้านค้าไม่ได้มีการทุจริต กระทรวงการคลังจะคืนเงินสำหรับการใช้จ่ายกระเป๋า 2 ให้ประชาชนที่ใช้จ่ายในร้านดังกล่าว แต่หากตรวจพบการทุจริต ยอดใช้จ่ายดังกล่าวต้องเป็นจะไม่สามารถคืนเงินได้ และร้านค้าดังกล่าวถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้าร่วมกับโครงการรัฐบาลในอนาคต
สำหรับชิมช้อปใช้เฟส 4 นั้น สศค.รับการบ้านมาจากนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวการคลังให้ไปคิดว่าจะทำอย่างไร โดยสิ่งที่อยากเห็นคือทำอย่างไรให้ผู้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 12.8 ล้านคน มีการใช้เงินในกระเป๋า 2 เพื่อใช้จ่ายต่อไป
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ