23 เม.ย. ไทยติดเชื้อเพิ่ม 13 คน สะสม 2,839 คน เสียชีวิต 1 คน สะสม 50 คน รักษาหายสะสม 2,430 คน

กองบรรณาธิการ TCIJ 23 เม.ย. 2563 | อ่านแล้ว 1456 ครั้ง

23 เม.ย. ไทยติดเชื้อเพิ่ม 13 คน สะสม 2,839 คน เสียชีวิต 1 คน สะสม 50 คน รักษาหายสะสม 2,430 คน

23 เม.ย. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 13 คน รวมผู้ติดเชื้อสะสม 2,839 คน มีผู้เสียชีวิต 1 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 50 คน รักษาหาย 78 คน รักษาหายสะสม 2,430 คน

23 เม.ย. 2563 Thai PBS รายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่า พบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเพียง 13 คน ผู้ป่วยสะสม 2,839 คน หายป่วยกลับบ้านเพิ่มอีก 78 คน รวม 2,430 คน และมีผู้ที่รักษาตัวในโรงพยาบาล 259 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 คน รวม 50 คน

“พบว่าแนวโน้มผู้ติดเชื้อใหม่ลดลง หลังเข้าสู่เดือนที่ 4 ของการแพร่ระบาด จากความร่วมอย่างดี และทำคะแนนได้ดี แต่ยังต้องต่อสู่กับโรคต่อไปอีกยาวๆ และขอการ์ดอย่าตก เพราะบางประเทศมีตัวเลขเพิ่มสู่หลักพัน และหลักหมื่น หลังจากผ่อนปรนมาตรการ”

สำหรับผู้เสียชีวิตรายที่ 50 เป็นมีโรคหลอดเลือดสมอง โดยข้ารักษาในโรงพยาบาลในกทม. เมื่อ 21 มี.ค.จากนั้นมีการยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 ต่อมาอาการแย่ลง และเสียชีวิต 21 เม.ย.ที่ผ่านมา สาเหตุติดเชื้อในกระแสเลือดและภาวะหายใจล้มเหลว

ขณะที่ส่วนผู้ติดเชื้อใหม่ 13 คน แบ่งเป็นสัมผัสผู้ป่วยจากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 10 คนแบ่งเป็นกลุ่มสัมผัสผู้ยืนยันก่อนหน้านี้ 5 คน คนไทยกลับจากต่างประเทศ 1 คน ไปสถานที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ชุมชนตลาดนัด 1 คน อาชีพเสี่ยง ทำงานในที่แออัด 2 คน นอกจากนี้ตรวจพบก่อนการเข้าผ่าตัด 1 คน และจากการค้นหาเชิงรุกที่ จ.ภูเก็ต 3 คน

ค้นหาเชิงรุกชุมชนแออัดพบติดเชื้อแค่ 1 คน 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นอกจากนี้กรมควบคุมโรค วิเคราะห์ว่า 9 จังหวัดในช่วงเกือบ 1 เดือน ยังรักษาแชมป์ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่อยู่ในภาคกลาง เช่น ชัยนาท ตราด พิจิตร สิงห์บุรี ส่วนอีก 32 จังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มในช่วง 14 วัน ส่วนอีก 14 จังหวัดและมีรายงานผู้ป่วยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา 

ส่วนผู้ป่วยใหม่ในกทม.และนนทบุรี ลดลง ส่วนต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคใต้ตัวเลขยังคงที่ นอกจากนี้จังหวัดที่มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (PUI) กทม.มากที่สุด 10,942 คน ยะลา 4,060 คน นนทบุรี 3,578 คน ภูเก็ต 2,136 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จากการที่ กทม.ได้ออกการตรวจหาเชื้อ COVID-19 ในชุมชนแออัด 2 แห่งคือเขตคลองเตยและเขตบางเขน และตั้งแต่ช่วงหลังสงกรานต์จากผู้ตรวจ 682 ตัวอย่าง แต่พบแค่ 1 คนเท่านั้นวิธีการตรวจเชิงรุกแล้วเจอผู้ติดเชื้อน้อย อาจเป็นได้ว่าทุกคนดูแลสุขภาพดี และในช่วงลงของโรคนี้ แต่ก็ยังไม่หยุดทางกทม.จะตรวจหาเพิ่มขึ้นอีก เพรากระทรวงถือเป็นนโยบายในการค้นหาเชิงรุก

 

ไทย 55 ของโลก-รับกลุ่มพระสงฆ์กลับจากอินเดีย

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า สำหรับภารกิจพาคนไทยกลับจากต่างประเทศ วันนี้ จะมีคนไทยกลับมาประเทศตุรกี 55 คน ส่วนเวลา 14.00 น. เวลา 13.25 น. เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย 144 คน ส่วนพรุ่งนี้ ( 24 เม.ย.) จะมีนักท่องเที่ยว นักเรียนตกค้างจากญี่ปุ่น 31 คน เวลา 15.10 น. คนไทยกลับจากอินเดีย 171 คน เป็นพระภิกษุ แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรม ซึ่งอนุโลมให้พระสงฆ์พักในโรงแรมขณะกักตัวได้ 14 วัน เนื่องจากมีเหตุจำเป็น ส่วนเวลา 15.30 น. คนไทยกลับจากญี่ปุ่น 31 คน

สำหรับสถานการณ์ผู้ป่วยไทยลงมาอยู่ในลำดับที่ 56 ของโลก และในระดับโลกมีผู้ติดเชื้อ ส่วนญี่ปุ่นอันดับที่ 24 พบติดเชื้อเพิ่ม 377 คน สะสม 11,512 คน สิงคโปร์อันดับที่ 29 ติดเชื้อวันเดียว 1,016 คน สะสม 10,141 คน ฟิลิปปินส์  111 มาเลเซีย 50 คน 

“กรณีสิงคโปร์ ยังน่าห่วงคนถ้าเพิ่มวันละ 1,000 คนตัวเลขจะเพิ่มถึงหลักหมื่นได้เร็ว ก่อนหน้าเราเคยชื่ยชมเขาคุมได้ และตอนนี้ก็ทำหน้าที่ดี และขอส่งแรงใจช่วยสิงโปร์ให้ผ่านไปได้ด้วยดี ”

 

1 พ.ค.จะปลดล็อกแล้วหรือไม่

นพ.ทวีศิลป์ ยืยังตอบกรณีที่มีคำถามว่าวันที่ 1 พ.ค.นี้ 32 จังหวัดจะมีการปลดล็อกมาตรการหรือไม่ ว่าข้อมูลดังกล่าวยังยังไม่ได้ออกมาจากทางศบค. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานศบค.ยังย้ำเช่นเดิมว่าต้องให้ศึกษาให้ชัดเจน และการอนุมัติต้องผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีประกาศแต่อย่างใด  

“การปลดล็อก 32 จังหวัด 1 พ.ค.นี้ ยืนยันว่าข้อมูลไม่ได้ออกมาจาก ศบค. เพราะต้องมีการหารือก่อน ครม.อนุมัติ แต่แนวโน้มจะยืดระยะเวลาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แน่นอน และอาจผ่อนปรนมาตรการบ้าง ซึ่งต้องรอ มติ ครม.”

ส่วนกรณีที่เริ่มมีการเดินทางโดยใช้รถขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า และพบว่ายังไม่ได้มีการได้เว้นระยะห่างนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราเคยทำได้ดีเคร่งครัดกับมาตรการเว้นระยะห่าง แต่ถ้าเห็นตัวแล้วจะเบาใจสบายใจ ผ่อนได้ เพราะต้อวออกทำงานไปธุระ แต่ขอให้นึกเสมอว่าออกไปข้างนอกสุ่มเสี่ยงและถ้าออกไปแล้วมีหน้ากากอนามัย และถ้าสัมผัสจับสิ่งใดต้องล้างมือ หลักการเดิมต้องเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากผ้า โดยเฉพาะถ้าไปบนรถไฟฟ้าถ้าต้องชิดกัน สัมผัสต้องรีบล้างมือ ไม่สัมผัสใบหน้า

“เราต่างคนต่างดูแลซึ่งกันและกัน ห้ามพูดคุยกันเลยบนรถไฟฟ้า เพราะจะมีจะมีละอองฝอยฟุ้งกระจายเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ย้ำว่ายังต้องและตั้งการ์ดระยะยาวนี่เพิ่งเดือนเม.ย.เพิ่งจะยก 4 ยังต้องยืนยาวอีก 12 ยก”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า การเดินทาไปมาระหว่างจังหวัด จะต้องศึกษาข้อมูล เพราะผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ละแห่งออกกฎเกณฑ์แตกต่างกันตามความเหมาะสม เช่น การตรวจคัดกรอง การกักตัว การรายงานตัว ที่สำคัญห้ามเดือนทางช่วงเคอร์ฟิว เวลา 22.00 น.-04.00 น.ของอีกวัน ซึ่งขอให้เข้าใจและปฏิบัติตามจังหวัดกำหนดมา

 

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: