นายนายมูห์ยิดดิน ยาสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย แถลงต่อที่ประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน โดยมีเวียดนามทำหน้าที่ประธาน ว่าท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการออกนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรของทุกประเทศบนโลกซึ่งมาเลเซียก็เป็นหนึ่งในนั้น ปัญหาก็คือรัฐฐาลมาเลเซียไม่สามารถรับและให้ความช่วยเหลือแก่เรือของผู้อพยพชาวโรฮิงญาได้อีกต่อไปแล้ว จึงขอให้อาเซียนเรียกร้องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เร่งกระบวนการย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่สาม พร้อมขอให้สมาชิกอาเซียนโดยเฉพาะประเทศพม่าให้ร่วมมือในการยับยั้งการค้ามนุษย์ข้ามพรมแดน และเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเข้าร่วมกลุ่มติดอาวุธที่อาจส่งผลร้ายต่อภูมิภาคอาเซียน
ที่ผ่านมามาเลเซียให้ความช่วยเหลือให้กับเรือของผู้อพยพชาวโรฮิงญาเป็ยจำนวนมาก รวมถึงเคยผลักดันเรือหลายลำเช่นกัน โดยเหตุผลนอกเหนือจากเรื่องทรัพยากรและการค้ามนุษย์แล้ว สถานการณ์โรคระบาดของ COVID-19 เป็นปัจจัยที่สำคัญมากเพราะหลังจากที่บังกลาเทศยืนยันการแพร่ระบาดของโรคภายในศูนย์พักพิงของผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาที่เมืองค็อกซ์บาซาร์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งมีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่รวมกันอย่างแออัดมากกว่า 1 ล้านคนแล้ว ทำให้รัฐบาลมาเลเซียกังวลต่อการแพร่ระบาดมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพม่าไม่เคยแสดงท่าทีชัดเจนต่อการเรียกร้องของมาเลเซียเกี่ยวกับสถานการณ์ของชาวโรฮิงญา แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นหนึ่งในวิกฤติที่เรื้อรังของอาเซียน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่เพิ่งปฏิเสธให้เรือที่มีชาวโรฮิงญาโดยสารมาเกือบ 100 คนเข้าเทียบฝั่งของจังหวัดอาเจะห์ ทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา จนกระทั่งชาวประมงในบริเวณนั้นต้องเข้าไปช่วยเหลือกันเอง
ที่มาข่าวและภาพประกอบ: Channel News Asia, 27/6/2020
www.facebook.com/tcijthai
ป้ายคำ