แนะชะลอการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศทั้งหมด 100% นำงบมาพัฒนากำลังพล

กองบรรณาธิการ TCIJ 27 ส.ค. 2563 | อ่านแล้ว 1963 ครั้ง

แนะชะลอการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศทั้งหมด 100% นำงบมาพัฒนากำลังพล

อดีตกรรมการบริหารหนี้สาธารณะแนะชะลอการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศทั้งหมด 100% นำงบมาพัฒนากำลังพลและจัดสรรงบให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศแทนเพื่อทดแทนการนำเข้าและมุ่งให้เกิดการจ้างงาน | ที่มาภาพประกอบ: Ministry of Defense of Ukraine (CC BY-SA 2.0)

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมานายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และอดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่าฐานะทางการคลังรัฐบาลยังพอไปได้แม้นมีความเสี่ยงเรื่องฐานะการคลังเพิ่มขึ้น รัฐบาลต้องกู้เงินเพิ่มอีก 2.14 แสนล้านเพื่อเสริมสภาพคล่อง ต้องถือว่ารัฐบาลไม่ได้อยู่ในภาวะถังแตก แต่ขาดสภาพคล่องอันเป็นผลจากการประมาณสถานการณ์เศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เก็บภาษีพลาดเป้าค่อนข้างมากและค่าใชจ่ายภาครัฐในการบรรเทาผลกระทบความเดือดร้อนของประชาชนมากเกินคาด ความเสียหายทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสองซึ่งมีมาตรการปิดเมืองและการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท การกู้เงินเพิ่มเพียง 2.14 แสนล้านบาท นั้นจะไม่เพียงพอต่อการบริหารประเทศและการบรรเทาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป

การแก้ไขวิกฤตการณ์และฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงาน นายอนุสรณ์เสนอให้กู้เพิ่มไว้เลยอีกอย่างน้อย 3-5 แสนล้านบาทในช่วงปลายปี รัฐบาลสามารถกู้เงินในประเทศเพิ่มเติมได้ การก่อหนี้สาธารณะเพื่อดูแลเศรษฐกิจและการจ้างงานมีความจำเป็น แต่ต้องชะลอการจัดซื้ออาวุธจากต่างประเทศทั้งหมด 100% นำงบมาพัฒนากำลังพลและจัดสรรงบให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศแทนเพื่อทดแทนการนำเข้าและมุ่งให้เกิดการจ้างงานในประเทศ การก่อหนี้เพิ่มต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลต้องยกเลิกหรือชะลอหรือปรับลด โครงการและการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนทั้งหมดก่อน

รวมทั้งไม่ควรเลื่อนการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปอีกแล้ว เนื่องจากประเทศไทยมีรายได้จากฐานภาษีทรัพย์สินต่ำมาก ๆ และควรพิจารณาจัดเก็บภาษีทรัพย์สิน เช่น การจัดเก็บภาษีเพิ่มค่าของทรัพย์สินอันเป็นผลจากการลงทุนของรัฐ (Betterment Tax) การจัดเก็บภาษีการเพิ่มค่า (Betterment Tax) เช่น ตอนซื้อทรัพย์สินมาในราคา 1 ล้านบาท ตอนขายไปราคาขึ้นไป 10 ล้านบาท อันเป็นผลจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไม่ว่าจะเป็น ถนน การขนส่งมวลชนระบบราง หรือ มีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของรัฐ (เช่น สนามบิน ศูนย์ราชการ) ก็ต้องเก็บภาษีจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในอัตราก้าวหน้าเพื่อนำเงินภาษีมาใช้พัฒนาประเทศต่อไป ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ควรต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับประชาชนหรือธุรกิจที่อยู่ในพื้นที่มาก่อนก่อนที่โครงการที่ก่อให้เกิดมลพิษทางเสียง มลพิษทางกลิ่นจะมาจัดตั้ง นอกจากมี Betterment Tax แล้วก็ควรมี Worsening Subsidy ซึ่งอาจใช้เป็น ภาษี Betterment Tax ในอัตราติดลบได้

นายอนุสรณ์ ระบุว่าส่วนการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินในลักษณะเป็นแบบภาษีลาภลอย หรือ Windfall Tax ตามรายละเอียดที่กระทรวงการคลังศึกษาอยู่นั้นจะซ้ำซ้อนกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและเป็นการเก็บภาษีแบบหยุมหยิม รวมทั้ง รัฐบาลจะเก็บภาษีไม่ค่อยได้ มีต้นทุนและยุ่งยากในการดำเนินการ หากรัฐบาลเดินหน้าเก็บภาษีลาภลอยจะมีสภาพเดียวกับการจัดเก็บภาษีมรดก คือ จัดเก็บแทบจะไม่ได้เลย เป็นเพียงการแสดงว่า รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจแล้วนะ แต่ไม่มีประสิทธิผล

การลดการรั่วไหลและลดการใช้จ่ายไม่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เน้นการกระจายอำนาจทางการคลังเพื่อแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ดีขึ้น ประสบการณ์ของประเทศจีนยืนยันชัดเจนว่า การกระจายอำนาจทางการคลังทำให้การแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการพัฒนาพื้นที่เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด ประเทศจีนมีการกระจายอำนาจทางการคลังสูงกว่าสมาชิกกลุ่มประเทศ OECD บางประเทศ องค์กรปกครองท้องถิ่นของจีนมีรายรับและรายจ่ายทางการคลังสูงถึง 40% และ 73% ตามลำดับ ตรงกันข้ามกับไทยโดยเฉพาะในสมัย คสช รวบอำนาจเข้าสู่ส่วนกลางและล่วงเลยมา 5-6 ปีก็ยังไม่มีการเลือกตั้งท้องถิ่นแต่อย่างใด การเป็นรัฐรวมศูนย์ทำให้การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมีความล่าช้า ทางการต้องปล่อยให้เงินบาทอ่อนค่าเพื่อกระตุ้นภาคส่งออกและสินค้าเกษตร สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากในขณะนี้ในการช่วยพลิกฟื้นและก่อให้เกิดการขยายตัวของตลาดแรงงาน กระตุ้นให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ปัญหาหนี้เสียเพิ่มขึ้นอย่างมากในระบบธนาคารว่า ระบบธนาคารไทยยังแข็งแกร่งด้วยเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ 19.2% ส่วนปัญหาหนี้เสียในที่พุ่งขึ้นเป็นผลจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในภาคเศรษฐกิจจริงที่ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดการลุกลามสู่ภาคการเงิน นอกจากนี้ความกังวลที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอาจแตะระดับ 60% ในปีหน้าว่ายังไม่ใช่เรื่องที่ต้องวิตกกังวลเฉพาะหน้า ณ เวลานี้แต่ต้องระมัดระวังไม่ประมาทเรื่องความเสี่ยงของวิกฤติฐานะการคลังในอนาคต สิ่งที่ต้องเอาใจใส่เวลานี้ คือ การลงทุนภาครัฐต้องนำมาสู่การขยายตัวของการจ้างงานในตลาดแรงงาน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งต้องอาศัยเงินกู้มากกว่าที่รัฐบาลกู้อยู่เวลานี้ ตอนนี้ต้องทบทวนแนวคิดบริหารเศรษฐกิจแบบ Supply-side Economics ไปก่อน เพราะในระยะสั้นเรากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเดินโซซัดโซเซจากวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจสู่วิกฤตการณ์ภาคการเงิน วิกฤตการณ์การคลัง และ วิกฤติทางสังคมและการเมืองได้

นายอนุสรณ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการสร้างอุปสงค์ให้เพียงพอเพื่อจะใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่เกินจำนวนมากกลายเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดในภาวะวิกฤติเศรษฐกิจเช่นนี้ เมื่อใช้สารพัดมาตรการแล้ว SME และ ภาคธุรกิจเอกชนก็ยังไม่ฟื้นและยังคงล้มละลายต่อเนื่อง การปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมภายใต้การสนับสนุนของรัฐ และการจัดตั้งบรรษัททำหน้าที่ในการเพิ่มทุนกับภาคธนาคารและภาคธุรกิจการผลิตอาจมีความจำเป็น เงินทุนที่นำมาจัดตั้งบรรษัทเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้อาจต้องออกพันธบัตรรัฐบาล 20-50 ปี มาใช้จ่าย

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: