ประสาน ศบค.เปิดทางจีนซื้อลำไย หลังราคาตกต่ำส่งออกไม่ได้

กองบรรณาธิการ TCIJ 30 ก.ค. 2563 | อ่านแล้ว 1780 ครั้ง

ประสาน ศบค.เปิดทางจีนซื้อลำไย หลังราคาตกต่ำส่งออกไม่ได้

ชาวสวนลำไยประสบปัญหาราคาตกต่ำ เนื่องจากพ่อค้าจีนเข้ามาซื้อไม่ได้ เกษตรฯ ทำหนังสือถึง ศบค.พิจารณาเข้าไทยได้ แต่ต้องกักตัว 14 วันตามขั้นตอน หวังผลผลิตออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคมส่งไปจีน ทำให้ราคาสูงขึ้น | ที่มาภาพประกอบ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

สำนักข่าวไทย รายงานเมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2563 ว่านางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้หารือพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในที่ประชุม ครม.ถึงปัญหาราคาลำไยตกต่ำ เนื่องจากไม่สามารถส่งออกไปจีนได้ตามปกติช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยรายงานว่า ผลผลิตลำไยภาคเหนือร้อยละ 70 จะเข้าสู่กระบวนการอบแห้งแล้วส่งไปจีน แต่ปีนี้ผู้ประกอบการจีนเข้ามารับซื้อไม่ได้ ทำให้เกษตรกรต้องขายเป็นลำไยสด ราคาจึงต่ำกว่าทุกปี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ทำหนังสือถึงศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อขออนุญาตให้ผู้ประกอบการจีนเข้ามาไทยได้ แต่ต้องกักตัว 14 วันในสถานที่ที่กำหนดตามขั้นตอน ขณะนี้ทาง ศบค.กำลังพิจารณาอยู่

นางสาวมนัญญา กล่าวต่อว่า จากการเดินทางไปตรวจสถานการณ์ราคาลำไยจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เกษตรกรร้องเรียนว่าเดือดร้อนจากราคาที่ลดต่ำลงมาก กังวัลที่สุด คือ เดือนสิงหาคมจะเป็นช่วงที่ลำไยให้ผลผลิตมากที่สุด ราคาอาจลดต่ำลงอีก หากส่งออกไม่ได้ จึงเร่งช่วยเหลือ นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ขอความร่วมมือสหกรณ์การเกษตรต่าง ๆ ช่วยเหลือสมาชิกด้วยการรับซื้อลำไยราคานำตลาด ซึ่งสหกรณ์จะรับซื้อลำไยสดช่อกิโลกรัมละ 23-25 บาท อีกทั้งช่วยหาตลาดโดยทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับห้างโมเดิร์นเทรด โดยรับรองว่าเป็นลำไยคุณภาพมาตรฐาน GAP รวมทั้งประสานเครือข่ายสหกรณ์ภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือในการรับซื้อไปจำหน่าย

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่าแหล่งผลิตลำไยภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน ปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิตรวม 635,394 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมี 620,379 ตัน (เพิ่มขึ้น 15,015 ตัน หรือร้อยละ 2.42) ผลผลิตในฤดูจะออกสู่ตลาดประมาณปลายเดือนมิถุนายน - กันยายน และจะออกมากที่สุดเดือนสิงหาคมประมาณ 225,127 ตัน

สำหรับราคาลำไยที่เกษตรกรขายปลายเดือนมิถุนายนที่ตลาดเชียงใหม่และลำพูน แบ่งเป็นตามเกรดดังนี้ ลำไยสดช่อ เกรด AA กิโลกรัมละ 33 บาท เกรด A กิโลกรัมละ 28 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 17 บาท เกรด C กิโลกรัมละ 8 บาท และเกรด AA+A กิโลกรัมละ 29 บาท ส่วนลำไยรูดร่วง เกรด AA กิโลกรัมละ 19 เกรด A กิโลกรัมละ 14 บาท เกรด B กิโลกรัมละ 6 บาท และเกรด C กิโลกรัมละ 1 บาท ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีนและอินโดนีเซีย การส่งออกยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้ว่าปัจจุบันตลาดจีนจะเริ่มเปิดการซื้อขายบ้างแล้ว แต่ยังค่อนข้างซบเซา เนื่องจากติดปัญหาด้านการขนถ่ายสินค้า

นางสาวมนัญญา กล่าวต่อว่า หากผู้ประกอบการจีนเข้ามารับซื้อลำไยได้ทันเดือนสิงหาคมจะบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรได้มาก เมื่อรับซื้อแล้วผู้ประกอบการจะนำลำไยเข้าสู่กระบวนการอบแห้งแล้วขนส่งทางบกไปยังจีน

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: