นักวิชาการมองกรณีปั่นหุ้น GameStop สะท้อนการปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจตลาดการเงินและเศรษฐกิจ

กองบรรณาธิการ TCIJ 3 ก.พ. 2564 | อ่านแล้ว 1440 ครั้ง

นักวิชาการมองกรณีปั่นหุ้น GameStop สะท้อนการปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจตลาดการเงินและเศรษฐกิจ

อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยมองกรณีปั่นหุ้น GameStop โดยรายย่อยที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ต่อสู้กับการทำ Short Sell นักลงทุนสถาบันในหลายประเทศทั่วโลก สะท้อนภาพโลกาภิวัตน์แห่ง Data กำลังปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจในตลาดการเงินและเศรษฐกิจ การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นโดยเทคโนโลยี Blockchain แต่การซื้อขายหุ้นโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ อาจจะทำให้เกิดการสะสมฟองสบู่ลูกใหญ่ที่พร้อมแตกตัว เกิดวิกฤตเศรษฐกิจการเงินรอบใหม่ได้ | ที่มาภาพประกอบ: Mike Mozart (CC BY 2.0)

สำนักข่าวประชาไท รายงานเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2564 ว่านายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต กล่าวถึงทุนนิยมโลกาภิวัตน์ทางการเงินกำลังพัฒนาไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารและการมีต้นทุนที่ต่ำของบริการแอพพลิเคชั่น การที่นักลงทุนรายย่อยสามารถเอาชนะ กลุ่มทุนการเงิน Wall Street และ นักลงทุนสถาบันอย่างกองทุนเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Funds) เป็นผลจากการมีแพลตฟอร์มในการรวบรวมอำนาจต่อรอง การรวบรวมข้อมูลและการติดต่อสื่อสารมีต้นทุนต่ำหรือฟรี นักลงทุนรายย่อยในห้อง Wall Street Bets ของเว็บบอร์ด Reddit ได้ต่อสู้กับการเก็งกำไรของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทำ ชอร์ตเซล (Short Sell) หุ้น GameStop ด้วยการจัดตั้งกันไปซื้อหุ้น GameStop จำนวนมากจนกระทั่งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ไม่มีหุ้นมาส่งมอบหลังจากการทำชอร์ตเซล และทำให้ราคาของหุ้น Game Stop ปรับขึ้นไปมากกว่า 1,000% ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานใด ๆ รองรับ การปั่นหุ้น GameStop ทำให้รายย่อยจำนวนไม่น้อยได้กำไรมหาศาลได้ในเวลาอันสั้น

การที่นักลงทุนรายย่อยสามารถล้มผู้จัดการกองทุนขนาดใหญ่ใน Wall Street ที่มีทั้งประสบการณ์และมีเงินทุนมากกว่าได้ เพราะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในเศรษฐกิจแบบดิจิทัลกำลังพลิกขั้วอำนาจ ปรากฎการณ์เหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้โดยปัจจัยทางเศรษฐศาสตร์อย่างเดียว หากต้องทำความเข้าใจโครงสร้างอำนาจ (Power Structure) และ ภาวะที่ทำให้เกิดประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจมากขึ้นของตลาดทุน (Democratization of capital market) มีการสร้างอำนาจที่คานอำนาจผูกขาด (Countervailing Power) ตามแนวคิดของนักเศรษฐศาสตร์อย่าง John Kenneth Galbraith จะลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นหรือตลาดทุนที่มีโครงสร้างผูกขาดสูงและมีขนาดเล็กเกินไป

ข้อมูลที่มีการสังเคราะห์อย่างดีจากการทำงานของ สมองกลอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – AI) บนแพลต์ฟอร์มในสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆกำลังเปลี่ยนสภาพแวดล้อมการลงทุน ตลาดการเงินและธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ประเมินกิจกรรมปั่นหุ้นของรายย่อยกรณีหุ้น GameStop โดยใช้ เฟลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ Reddit จะแพร่ระบาดเพื่อต่อสู้กับการทำ Short Sell นักลงทุนสถาบัน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ GameStop ได้ระบาดไปยังหุ้นตัวอื่นๆในตลาดหุ้น Wall Street เช่น AMC (หุ้นธุรกิจโรงภาพยนตร์) Bed, Bath&Beyond (กิจการเครือข่ายกิจการค้าปลีกในทวีปอเมริกาเหนือ) Blackberry (บริษัทมือถือ) รวมทั้งสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในประเทศไทยผ่าน ห้องการลงทุน ในเว็บไซต์พันทิป ได้ พฤติกรรมเลียนแบบจะเกิดขึ้นในตลาดการเงินหลายประเทศ เช่น มาเลเซียก็มีกลุ่มนักลงทุนรายย่อยปั่นหุ้นบริษัทกิจการยาง เป็นต้น

นายอนุสรณ์ ระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ GameStop กำลังเกิดขึ้นนอกสหรัฐฯ เช่นกับ Nokia บริษัทมือถือที่ราคาปรับขึ้นมาไม่สะท้อนมูลค่าหรือปัจจัยพื้นฐานของบริษัท สภาวะแบบนี้จะดำรงอยู่และแพร่หลายไปอีกระยะหนึ่ง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่คนต้องหยุดงานอยู่กับบ้านจากการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ทำให้เกิดนักลงทุนรายย่อยหน้าใหม่จำนวนไม่น้อยในตลาดหุ้น ต้องการหาเงินในช่วงเวลาสั้นๆมากขึ้นประกอบกับดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษจากการทำผ่อนคลายปริมาณเงิน หรือ QE อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงว่า การปั่นหุ้นของรายย่อยสู้การทุบราคาหุ้นของเฮดจ์ฟันด์จะจบลงด้วยการขาดทุนจำนวนมหาศาลของนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาลงทุนในภายหลัง เนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวที่ถูกปั่น ราคาแพงกว่าปัจจัยพื้นฐานและผลกำไรที่บริษัทจะสามารถทำได้ค่อนข้างมาก การซื้อขายหุ้นโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับแต่ใช้อำนาจต่อรองจากเทคโนโลยีที่เปิดให้ทำได้ จะทำให้เกิดการสะสมฟองสบู่ลูกใหญ่และพร้อมแตกตัวเกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินรอบใหม่ได้ ราคาหุ้นอย่าง GameStop คงไม่สามารถอยู่ในระดับราคา 325 ดอลลาร์ต่อหุ้นได้ในระยะยาวเนื่องจากมูลค่าแท้จริงอาจอยู่เพียง 10-30 ดอลลาร์ต่อหุ้นเท่านั้น เช่นเดียวกับ หุ้นบางตัวในตลาดหุ้นไทยที่ราคาพุ่งขึ้นเกิดปัจจัยพื้นฐานมากกกว่าปรกติย่อมเป็นผลจากการปั่นราคาทั้งสิ้น ซี่ง กลต และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ควรต้องเอาใจใส่เพื่อให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพและเป็นการปกป้องนักลงทุนรายย่อย อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมตามแห่ของนักลงทุนรายย่อยอย่างกรณี GameStop ก็จะช่วยคานอำนาจการเทขายชอล์ตเซลเก็งกำไรเกินขนาดของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ได้เช่นเดียวกัน

โลกาภิวัตน์แห่ง Data กำลังปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจในตลาดการเงินและเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง การกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นโดยเทคโนโลยี Blockchain มากขึ้นแต่อำนาจผูกขาดและความเหลื่อมล้ำจะไม่ได้ลดลงได้โดยง่าย กลุ่มทุนขนาดใหญ่ทางการเงินยังคงมีอำนาจผูกขาดในตลาดการเงินอยู่ ภาวะไร้เสถียรภาพจากการเคลื่อนย้ายเงินทุนระยะสั้นเก็งกำไรจึงเป็นสภาวะปรกติ สร้างความเสี่ยงและภาวะผันผวนไร้เสถียรภาพได้ตลอดเวลา บางประเทศอาจสูญเสียอำนาจในการควบคุมเศรษฐกิจตัวเองและรายได้ภาษีหายไปจำนวนมากจากแพลตฟอร์มเทคโนโลยีดิจิทัล รายได้ของบริษัทเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีของหลายประเทศและไม่สามารถไปตามเก็บได้ การออกกฎหมายภาษีใหม่ให้เท่าทันกับเทคโนโลยีมีความจำเป็นเท่าๆกับการออกกฎหมายมากำกับเพื่อให้ผู้บริโภค หรือ “เจ้าของข้อมูล” มีอำนาจต่อรองมากขึ้น ทุกวันนี้เราได้เซ็นยินยอมให้บริษัทเทคโนโลยีดิจิทัลใช้ข้อมูลของเราได้อย่างเต็มที่อย่างไม่รู้ตัว ขณะที่ ธนาคารกลางของหลายประเทศรวมทั้งไทยจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมปริมาณเงินในประเทศตัวเองเมื่อ Cryptocurrency และ Digital Money ในรูปแบบต่างๆแพร่หลายมากกว่านี้ และ เป็นเรื่องยากที่ ธนาคารกลางจะสกัดกั้นกระแสการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอันมีรากฐานจากปรัชญาของการกระจายอำนาจ กระจายศูนย์ (Decentralized) ที่ฝังอยู่ในนวัตกรรมดิจิทัลเหล่านี้

นายอนุสรณ์ ระบุในตอนท้ายว่า ขอให้ทางการไทยและภาคธุรกิจเอกชนไทย เตรียมตัวสำหรับ ควอนตัม คอมพิวติงค์ Quantum Computing และการพัฒนาเทคโนโลยี Blockchain ด้วยอุปกรณ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ Quantum Computer สามารถประมวลข้อมูลสังเคราะห์ได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าตัว ระบบเศรษฐกิจ ตลาดการเงิน และ ธุรกิจอุตสาหกรรม จะเปลี่ยนแปลงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีพลวัตมากยิ่งกว่าเดิม และจะมีองค์กรจำนวนมากต้องล่มสลายลงและผู้คนตกงานจำนวนมากหากปรับตัวไม่ได้ หากปรับตัวก็จะเกิดโอกาสทางเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างมากมายเช่นกัน ขณะที่ธุรกิจในไทยไม่เกินสองแห่งที่เรียนรู้อย่างจริงจังในการนำ “คอมพิวเตอร์ควอนตัม” มาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ ซึ่งต่างจากบริษัทในสหรัฐฯ ในยุโรป ในจีน ในเกาหลีใต้ ในไต้หวันและสิงคโปร์ ที่รัฐให้การส่งเสริมและสนับสนุน จึงขอแนะนำให้รัฐไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ต้องสร้างสภาวะแวดล้อมและกฎระเบียบที่สนับสนุน รวมทั้งลงทุนในระบบการศึกษาและการวิจัยด้วย

 

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: