ญาติชายไทยวัย 84 เตรียมฟ้องผู้ต้องหาอเมริกัน ก่อคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชัง

กองบรรณาธิการ TCIJ 3 ก.พ. 2564 | อ่านแล้ว 1568 ครั้ง

ญาติชายไทยวัย 84 เตรียมฟ้องผู้ต้องหาอเมริกัน ก่อคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชัง

สื่อ VOA เผยญาติชายไทยวัย 84 เตรียมฟ้องผู้ต้องหาอเมริกัน ก่อคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ทั้งนี้เหตุการณ์การเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งพุ่งเป้ามายังชุมชนชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกา มีเหตุทำร้ายร่างกายคนชราเชื้อสายเอเชีย ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นรายวันตลอด 1 ปีที่ผ่านมา | ที่มาภาพ: Coconuts

VOA รายงานเมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2564 ว่าเหตุการณ์การเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งพุ่งเป้ามายังชุมชนชาวเอเชียในสหรัฐอเมริกา มีเหตุทำร้ายร่างกายคนชราเชื้อสายเอเชีย ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นรายวันตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จากที่มีกลุ่มคนบางกลุ่ม กล่าวหาว่าพวกเขาเป็นสาเหตุของการแพร่เชื้อโควิด-19 ไปทั่วโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกา ล่าสุดมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายชายไทยวัย 84 ปี ในนครซานฟรานซิสโกจนเสียชีวิต ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวเตรียมดำเนินคดีคนร้ายว่าก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง

นายวิชา รัตนภักดี ชายไทยวัย 84 ปี จากจังหวัดสงขลา ใช้เวลาในช่วงเช้าเดินออกกำลังกายตามปกติบริเวณรอบหมู่บ้านที่เมือง แอนซ่า วิสต้า (Anza Vista) ช่วงถนนตัดระหว่างแอนซ่าวิสต้า และฟอร์ทูน่า นครซานฟรานซิสโก โดยขณะนั้นเป็นช่วงเวลาประมาณ 8.30 น. ของวันที่ 28 มกราคม 2021 มีเหตุเศร้าใจเกิดขึ้น เมื่อชายวัย 19 ปี รูปร่างผอมสูงชื่อนายแอนตวน วัทสัน วัย 19 ปี ชาวเมืองเดลี ซิตี้ ได้วิ่งลงจากรถยนต์ที่มีนางเมย์ลาเซีย กู วัย 20 ปี เป็นคนขับ จากนั้นนายแอนตวนได้พุ่งตรงไปที่คุณวิชาและผลักล้มลงไปที่พื้นปูนซีเมนต์อย่างแรง โดยไม่มีการสนทนา หรือมีเหตุยั่วยุแต่อย่างใด

ตามการบันทึกของกล้องวงจรปิดจากเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงจุดเกิดเหตุนั้น จากนั้นมีการเรียกรถพยาบาลเพื่อรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล S.F. General Hospital ทันที แต่โชคร้ายที่นายวิชา มีอาการบาดเจ็บสาหัส จึงได้เสียชีวิตวันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2021 เวลา 3.00 น.

ในส่วนของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนายแอนตวน วัทสัน โดยถูกตั้งข้อหาอาญาร้ายแรงสามข้อ คือผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม ทำร้ายผู้สูงอายุ และทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธร้ายแรง

นอกเหนือจากนี้ เมย์ลาเซีย กู วัย 20 ปี ผู้ขับรถพาผู้ต้องหาหลบหนี ถูกตั้งข้อหาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดในคดีฆาตกรรมนี้ด้วย ซึ่งล่าสุด นางเบตตี้ ยู (Betty Yu) ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว KPIX ในเขตเบย์แอเรีย ทวีตข้อความเมื่อเวลา 22.45 น. ของคืนวันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า นางเมย์ลาเซีย กู ได้ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ในขณะที่ผู้ก่อเหตุยังคงถูกควบคุมตัวไว้เพื่อรอการดำเนินคดีต่อไป

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจของเมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco Police Department) ได้ขอความร่วมมือหากมีเบาะแสเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 415-575-4444 หรือสามารถส่งข้อความไปที่ TIP411 โดยพิมพ์คำว่า SFPD ก่อนเริ่มต้นข้อความ

วีโอเอภาคภาษาไทยได้ติดต่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานี แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาในส่วนของความคืบหน้าคดี

ด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิต นายเอริค ลอว์สัน ซึ่งเป็นลูกเขย ได้ตั้งกองทุนใน GoFundMe.com ภายใต้ชื่อ 84-year-old killed in San Francisco เพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำพิธีศพโดยตั้งยอดบริจาคไว้ที่ 10,000 ดอลลาร์ ซึ่งขณะนี้มียอดบริจาคแล้ว 8,131 ดอลลาร์

นอกเหนือจากนี้ ข้อความในกองทุนยังระบุว่าทางครอบครัวเชื่อว่า การเสียชีวิตของนายวิชา ที่อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตที่ตาเกือบจะมองไม่เห็น อีกทั้งยังเป็นที่รักของครอบครัว เกิดจากสาเหตุการเหยียดเชื้อชาติหรือการต่อต้านคนเชื้อสายเอเชียอเมริกา ที่นับวันจะมีความอันตรายและรุนแรงมากขึ้น

ครอบครัวของนายวิชา เรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อสู้กับภัยคุกคามครั้งนี้ โดยได้ลงหมายเลขโทรศัพท์ของนาย ชีซ่า โบแดน อัยการเขต 29 ของซานฟรานซิสโก เพื่อช่วยกันเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ครอบครัวและชุมชนคนเอเชีย

ด้านกระทรวงการต่างประเทศ นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นอดีตกงสุลใหญ่ ณ นครลอสแอนเจลิส ได้แถลงว่าได้รับรายงานจากสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิสถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว

โดยสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตในการดำเนินการด้านต่างๆ และแนวปฏิบัติในการส่งอัฐิกลับประเทศไทย ตามที่ครอบครัวประสงค์

ขณะที่สถานกงสุลใหญ่ประจำนครลอสแอนเจลิส ที่ดูแลชุมชนไทยในพื้นที่แคลิฟอร์เนียตอนเหนือ ได้ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในนครซานฟรานซิสโกและพื้นที่ใกล้เคียงในรัฐฝั่งตะวันตกของสหรัฐ ให้ระมัดระวังตัวในการดำเนินชีวิตประจำวัน รวมถึงการเดินทางไปในพื้นที่ต่างๆ ที่เสี่ยงต่อการพบปะกับกลุ่มมิจฉาชีพ การประทุษร้ายต่อร่างกายและทรัพย์สิน

ทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ออกมายอมรับว่า มีตัวเลขการรายงานเหตุดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ โดยหากมีเหตุจำเป็นเร่งด่วน สามารถติดต่อทางสถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ที่หมายเลข Hotline 323-580-4222 หรือทางอีเมล protection@thaiconsulatela.org

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: