ชวนหยุดยั้งการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายออนไลน์-ปฏิเสธการบริโภคเมนูฉลาม

กองบรรณาธิการ TCIJ 3 มี.ค. 2564 | อ่านแล้ว 7019 ครั้ง

เนื่องในวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 3 มี.ค. ของทุกปี องค์กร WildAid เผยแพร่สื่อรณรงค์ทางโซเชียล มีเดียชุดใหม่ ชวนทุกคนต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ และทุกรูปแบบ ด้วยการไม่ซื้อ ไม่ใช้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นการค้าและการครอบครองสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าผิดกฎหมาย รวมถึงการปฏิเสธการบริโภคที่ไม่ยั่งยืนอย่างเมนูฉลาม

3 มี.ค. 2564 เนื่องในวันสัตว์ป่าและพืชป่าโลก (World Wildlife Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 3 มี.ค. ของทุกปี องค์กรไวล์ดเอดเผยแพร่สื่อรณรงค์ทางโซเชียล มีเดียชุดใหม่ ชวนทุกคนต่อต้านการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายบนโลกออนไลน์ และทุกรูปแบบ ด้วยการไม่ซื้อ ไม่ใช้ และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นการค้าและการครอบครองสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าผิดกฎหมาย รวมถึงการปฏิเสธการบริโภคที่ไม่ยั่งยืนอย่างเมนูฉลาม

สื่อรณรรงค์ชุดใหม่ทั้ง 5 ภาพ สร้างสรรค์โดย บริษัท BBDO Bangkok เอเจนซี่โฆษณาระดับแนวหน้าของไทยให้กับองค์กรไวลด์เอดโดยได้หยิบยกสัตว์ป่าและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าที่มักถูกลักลอบค้าอย่างผิดกฎหมาย อย่าง ช้างแอฟริกา เสือโคร่ง แรด และนกชนหินมานำเสนอ รวมถึง ฉลาม สัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศซึ่งถูกล่าเพื่อการบริโภคที่ไม่ยั่งยืน พร้อมกับนำอีโมติคอน หรือ สัญลักษณ์แทนอารมณ์โกรธ​ที่ผู้ใช้โซเชียล มีเดียอย่างเฟซบุ้คคุ้นเคยเป็นอย่างดี ใส่ไว้ตรงส่วนที่เป็นที่ต้องการของการค้าสัตว์ป่า สะท้อนให้เห็นว่า การล่าสัตว์ป่าที่กำลังเสี่ยงสูญพันธุ์เพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้และถูกนำเข้าสู่กระบวนการการค้าอย่างผิดกฎหมายในโลกออนไลน์ หรือทุกรูปแบบ เป็นสิ่งที่เราทุกคนไม่ควรจะยอมรับให้มีอยู่อีกต่อไป

ย้ายแหล่งการซื้อขายมาอยู่บนโลกออนไลน์

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา การค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในหลายประเทศรวมถึงไทย ได้ย้ายแหล่งการซื้อขายมาอยู่บนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ ข้อมูลจากเครือข่ายเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าและพืชป่า หรือ TRAFFIC พบว่า ในช่วงเวลาเพียง 5 วันของเดือน ก.ค. 2562 มีการโพสต์จำหน่ายผลิตภัณฑ์งาช้างจำนวน 2,489 ชิ้น ใน 545 โพสต์ ทางโซเชีย มีเดียในประเทศอินโดนิเซีย ไทย และเวียดนาม ส่วนการสำรวจเวบไซต์และช่องทางอี-คอมเมิร์ซของจีนระหว่างปี 2555-2559 พบการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์งาช้างมากที่สุด (60%) รองลงมาเป็นผลิตภัณฑ์จากนอแรด (20%)

นอกจากนั้น การสำรวจเพื่อประเมินและประมาณขนาดการค้านกชนหิน รวมถึงชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ของนกเงือกชนิดพันธุ์อื่นๆ บนสื่อสังคมออนไลน์หรือเฟซบุ๊กในไทยขององค์กร TRAFFIC พบการโพสต์ขายผลิตภัณฑ์จากนกชนหิน คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ จากชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์นกเงือกทั้งหมดซึ่งถูกเสนอขายในช่วงเวลา 64 เดือน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 ถึง เมษายน 2562 และด้วยเหตุนี้ ทำให้เกิดกระแสจากองค์กรอนุรักษ์หลายแห่งในไทยกำลังพยายามผลักดันให้นกชนหิน เป็น 1 ในสัตว์ป่าสงวนลำดับที่ 20 ของไทย

“เราหวังว่า สื่อรณรงค์ชุดใหม่จะมีส่วนทำให้สังคมไม่ยอมรับการซื้อขายผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าผิดกฎหมายทางออนไลน์และทุกรูปแบบ รวมถึงการบริโภคที่ไม่ยั่งยืนอย่างเมนูฉลามมากยิ่งขึ้น เพราะ ‘หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า’ ไวล์ดเอดให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์สื่อรณรงค์ที่คำนึงถึงเทรนด์ใหม่ๆ ในสังคม บนพื้นฐานของข้อมูลการค้าและผู้บริโภคเพื่อให้การรณรงค์เกิดประสิทธิผลสูงสุด” นายจอห์น เบเกอร์ ผู้อำนวยการโครงการรณรงค์ องค์กรไวล์ดเอดกล่าว

ค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วโลก มีเม็ดเงินเกี่ยวข้องอยู่ระหว่าง 7,000 ล้านเหรียญ ถึง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สหประชาชาติ ประเมินว่าการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายทั่วโลก มีเม็ดเงินเกี่ยวข้องอยู่ระหว่าง 7,000 ล้านเหรียญ ถึง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นอาชญากรรมอันดับ 4 ของโลกรองจากการค้าอาวุธ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ เพียงเพราะความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศที่ผู้บริโภคเริ่มมีกำลังซื้อในทวีปเอเชีย โดยการครอบครองและบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า สะท้อนถึงฐานะ บารมี และความเชื่อผิดๆ ว่ามีประโยชน์ในการรักษาโรค แต่จริงๆ แล้วนอกจากจะเสี่ยงสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ยังเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคจากสัตว์ป่าสู่คนจากการที่สัตว์หลายชนิดต้องอยู่รวมกันอย่างแออัดทั้งๆ ที่ไม่ควรอยู่ด้วยกัน การขนส่ง ความเครียด และปัจจัยอื่นๆ อีกมาก

“บีบีดีโอ กรุงเทพฯ ภูมิใจที่ได้มีส่วนปกป้องสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ร่วมกับองค์กรไวล์ดเอด เราเป็นกังวลต่อแนวโน้มประชากรสัตว์ป่าหลายชนิดที่กำลังลดลงต่อเนื่องทั่วโลกและการค้าซากและชิ้นส่วนสัตว์ป่าเหล่านั้น เช่น ผลิตภัณฑ์งาช้าง นอแรด เสือโคร่ง รวมถึงการบริโภคเมนูจากฉลาม เราเชื่อมั่นว่า สื่อรณรงค์ชุดนี้ซึ่งได้เผยความจริงที่น่าเป็นห่วงอย่างตรงไปตรงมา จะหยุดยั้งการซื้อการใช้ และทำให้ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าต้องฉุกคิดกับผลกระทบของตนเอง ที่กำลังคุกคามความหลากหลายทางชีวภาพของโลก” นายสมเกียรติ ลาภธนัญชัยวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีบีดีโอ กรุงเทพฯ กล่าว

“ทุกการกระทำของเราทุกคน แม้เพียงเล็กน้อยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง #ReactAgainstWildlifeTrade กดโกรธทุกครั้งให้กับการฆ่าสัตว์ป่าเพื่อการค้าและการบริโภค” นายอนุวรรต นิติภานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ บีบีดีโอ กรุงเทพฯ กล่าว

พบเห็นการล่า ค้า และครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครอง และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าผิดกฎหมาย โทรแจ้ง 1362 เฟซบุ้คเพจ สายด่วน 1362 เฟซบุ้คเพจ ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวดง และเฟซบุ้คเพจ บก.ปทส.Greencop-Thailand

ข้อมูลการล่าและค้าสัตว์ป่า

แรด: ประชากรแรดทั่วโลกลดลงมากถึง 95% ในทวีปแอฟริกา และเอเชีย นอแรดประกอบไปด้วยเคราติน เหมือนเล็บและเส้นผมของมนุษย์ ไม่มีคุณสมบัติทางยา ผลสำรวจเมื่อปี 2559 โดยไวล์ดเอด องค์กร African Wildlife Foundation และ องค์กร CHANGE ประเทศเวียดนามพบ จำนวนผู้ตอบแบบสอบถามที่เชื่อว่า นอแรดสามารถรักษาโรคได้ ลดลง 67% ภายใน 2 ปี อยู่ที่ 23% จาก 69% เมื่อเทียบกับปี 2557 และผู้ที่เชื่อว่า นอแรดรักษาโรคมะเร็งได้ ลดลง 73% มาอยู่ที่ 9.4% จาก 34.5% เมื่อเทียบกับปี 2557

ฉลาม: ทุกปี ฉลามมากถึง 73 ล้านตัวถูกฆ่าเพื่อมาทำเป็นซุปหูฉลาม เมื่อเร็วๆนี้ งานวิจัยล่าสุดเรื่อง “Half a century of global decline in oceanic sharks and rays” ที่เปิดเผยเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอกย้ำการลดลงของประชากรฉลาม โดยระบุว่า จำนวนฉลามและกระเบนในทะเลหลวงลดลงกว่า 70% ในช่วงเวลา 50 ปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักจากการทำประมงเกินขนาด เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค

ผลการสำรวจขององค์กรไวล์ดเอดปี 2560 พบว่าคนไทยในเขตเมืองมากกว่าครึ่งเคยบริโภคหรือยังคงบริโภคหูฉลามอยู่ ขณะที่ 60% ยังคงต้องการบริโภคหูฉลามในอนาคต โดยผู้บริโภคทานหูฉลามบ่อยครั้งที่สุดที่งานรื่นเริงต่างๆ เช่น งานแต่งงาน (72%) งานรวมญาติ (61%) และงานเลี้ยงธุรกิจ (47%)

ช้าง: ทุกปี ช้างแอฟริกามากถึง 17,000ตัว ถูกฆ่าเพื่อตอบสนองความต้องการผลิตภัณฑ์งาช้าง

เสือโคร่ง: เมื่อราว 1 ศตวรรษที่ผ่านมา มีเสือโคร่งที่อาศัยอยู่ในป่าธรรมชาติมากถึง 100,000ตัวทั่วโลก ทุกวันนี้ ประเมินว่าเสือโคร่งที่เหลืออยู่ในป่าทั่วโลกมีจำนวนน้อยกว่า 4,000 ตัว และพวกมันยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกล่าเพื่อนำเขี้ยว หนังและกระดูกไปทำเป็นยา วัตถุมงคล หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ตามความเชื่อที่ผิดๆ

ผลการวิจัยผู้บริโภคและใช้งาช้างและผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่งในประเทศไทย โดยโครงการ USAID Wildlife Asia ปี พ.ศ. 2561 พบว่า คนไทยในเขตเมือง ร้อยละ 2 หรือราว 500,000 คน มีหรือใช้ชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์จากงาช้าง และ ร้อยละ 1 หรือราว 250,000 คน มีหรือใช้ชิ้นส่วนหรือผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่ง นอกจากนี้ ร้อยละ 3 หรือราว 750,000 คน มีความตั้งใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์จากงาช้าง หรือผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่งในอนาคต และร้อยละ 10 (ราว 2.5 ล้านคน) มองว่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์งาช้าง ยังเป็นที่ยอมรับในสังคม ในขณะที่ร้อยละ 7 (ราว 1.8 ล้านคน) เห็นว่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์จากเสือโคร่งยังเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ โดยเหตุผลหลักในการซื้อ เพราะเชื่อว่างาช้าง "นำความโชคดีมาให้" "ป้องกันอันตราย" หรือ "มีความศักดิ์สิทธิ์” ส่วนผู้ซื้อหรือใช้ผลิตภัณฑ์จากเสือมีแรงจูงใจหลักในการซื้อ เพราะเชื่อว่า "ป้องกันอันตราย/มีพลังปกป้องคุ้มครอง" หรือ "มีความศักดิ์สิทธิ์"

นกชนหิน: ผลสำรวจขององค์กร TRAFFIC เพื่อประเมินและประมาณขนาดของการค้านกชนหิน รวมถึงชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ของนกเงือกชนิดพันธุ์อื่นๆ บนช่องทางสื่อสังคมออนไลน์หรือเฟซบุ๊กในไทย โดยข้อมูลที่พบจากการสำรวจติดตามเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2561 - เม.ย. 2562 พบการโพสต์เสนอขาย อย่างน้อย 236 โพสต์ ที่เสนอขายชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากนกเงือกมากกว่า 546 ชิ้น พบการโพสต์ขายผลิตภัณฑ์จากนกชนหิน คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 83 เปอร์เซ็นต์ จากชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์นกเงือกทั้งหมดซึ่งถูกเสนอขายในช่วงเวลา 64 เดือน ตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2557 ถึง เม.ย. 2562

เกี่ยวกับ WildAid

WildAid (www.wildaid.org) คือ องค์กรไม่แสวงผลกำไร มีเป้าหมายหลักเพื่อยุติการค้าสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า ผิดกฎหมาย WildAid เน้นรณรงค์เพื่อลดความต้องการบริโภค และความต้องการ ซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่า โดยเราหวังว่า ผู้บริโภคจะไม่กินหูฉลาม ไม่ซื้องาช้าง นอแรด และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าอื่นๆ อีกต่อไป เราทำงานรณรงค์ที่เอเชียเป็นหลัก ในประเทศที่ยังมีความต้องการซื้อผลิตภัณฑ์สัตว์ป่าสูง WildAid ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 100 คน ร่วมเผยแพร่ข้อความรณรงค์ ให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหา การฆ่าและค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ผ่านสโลแกนหลักขององค์กร “When the Buying Stops, the Killing Can Too หยุดซื้อ คือ หยุดฆ่า”

ร่วมเป็นแฟนเพจเฟสบุ๊คกับ TCIJ ออนไลน์
www.facebook.com/tcijthai

ป้ายคำ
Like this article:
Social share: